นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไอร่า แคปปิตอล (AIRA) กล่าวถึงภาพรวม AIRA Group ในปีนี้ว่า บริษัทฯยังคงดำเนินแผนการลงทุนที่วางไว้ตามนโยบายของบริษัท Holding Company ที่ประกอบธุรกิจการเงินและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ เพื่อตอบโจทย์บริการทางการเงินในรูปแบบ Non-Bank ครบวงจร ภายใต้การให้บริการทางการเงินแบบ One stop service
เนื่องจากกลุ่มธุรกิจของบริษัทในเครือ AIRA Group สามารถต่อยอดและให้บริการตามความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจลีสซิ่ง ซึ่งเป็นการให้บริการสินเชื่อแบบเช่าซื้อ สัญญาเช่าดำเนินงานและอื่นๆ, ธุรกิจแฟคตอริ่ง ผู้ให้บริการเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นด้วยการรับซื้อลดลูกหนี้การค้าโดยการรับโอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงิน , ธุรกิจด้านการเงิน ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล, ธุรกิจหลักทรัพย์ , ธุรกิจด้านบริหารจัดการกองทุน ภายใต้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไอร่า จำกัด รวมถึง ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 63 สิ้นสุด วันที่ 31 ธ.ค.63 ว่า บริษัทฯมีรายได้รวมในงบการเงินเฉพาะกิจการเท่ากับ 170 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 105 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 132 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 27 ล้านบาท ถือเป็นการพลิกฟื้นการดำเนินงาน (เทิร์นอะราวด์) แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
ทั้งนี้ รายได้หลักมาจากกำไรจากการขายเงินลงทุนและเงินปันผลรับจากบริษัทย่อย โดยบริษัทได้มีการขายหุ้นบางส่วนใน บมจ.ไอร่า ลีสซิ่ง ให้กับ NEC Capital Solution Limited ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว เพื่อเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งมีการรับรู้กำไรจำนวน 85 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากการบริหารจัดการด้านต้นทุนทางการเงินและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับการดำเนินงานของบริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจหลักมีการเติบโตและมีกำไรอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า จำกัด (มหาชน) ที่มีประมาณการซื้อขายในตลาดหุ้น และตลาดอนุพันธ์ และ บมจ.ไอร่า แฟคตอริ่ง ซึ่งมีรายได้ค่าธรรมเนียมการให้บริการ และรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจอื่น เช่น ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บมจ.ไอร่า พร็อพเพอร์ตี้ ดำเนินโครงการอาคารสำนักงานให้เช่า Spring Tower แม้จะเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่บริษัทยังสามารถหาผู้เช่าและมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
ดังนั้น บริษัทและบริษัทย่อยมีผลประกอบการสิ้นสุด 31 ธ.ค.63 เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยงบการเงินรวม มีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 จากปีก่อน ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปีที่ผ่านมาจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวลงไปก็ตาม
AIRA Group เป็น Holding Company ที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (รีเทิร์นอินเวสเมนท์) ให้กับผู้ถือหุ้นสูง ประกอบกับมีศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงิน โดย ณ สิ้นปี 63 บริษัทฯมีกระแสเงินสดมากกว่า 800 ล้านบาท ที่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทเป็น Non-Bank บริษัทเดียวที่ได้รับความเชื่อมั่นจากบริษัทชั้นนำระดับโลกที่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ผ่านการร่วมลงทุนในแต่ละธุรกิจ โดยกลุ่มพันธมิตรดังกล่าวอยู่ในระดับ TOP 3 ของ กลุ่มอุตสาหกรรมแต่ละประเทศ อาทิ บริษัท AIFUL Corporation ประเทศญี่ปุ่น , บริษัท Eugene Investment &Securities ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทการเงินและวัสดุก่อสร้างชั้นนำจากประเทศเกาหลี , บริษัท Kenedix Asia Private Limited บริษัทจัดการกองทุนและบริหารสินทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น หรือแม้แต่ Travelex ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ จากอังกฤษ ที่ดำเนินธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น
“AIRA Group มีการวางกลยุทธ์ในการต่อยอดธุรกิจทางการเงินอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้ในปี 64 นี้ AIRA Group ก้าวสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญธุรกิจ Non-Bank ทางการเงินการลงทุนที่ครบวงจร และสามารถให้บริการได้ในทุกมิติ เป็นการสะท้อนศักยภาพของบริษัทฯ ในการสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างต่อเนื่อง”
นางนลินี กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (1 มี.ค. 64)
Tags: AIRA, ธุรกิจการเงิน, นลินี งามเศรษฐมาศ, หุ้นไทย, ไอร่า แคปปิตอล