อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงสู่ระดับ 1.386% ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในช่วงเช้านี้ นอกเหนือจากข่าวคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านแนวทางสร้างภูมิคุ้มกันโรค (ACIP) ในสังกัดศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้การรับรองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J)
ณ เวลา 08.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้น 241 จุด หรือ 0.78% แตะที่ 31,153 จุด
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงเช้านี้ โดยลดลงจากระดับ 1.451% ของวันศุกร์ และจากระดับ 1.614% ในวันพฤหัสบดี
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่บริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
นอกเหนือจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรแล้ว ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ยังได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านแนวทางสร้างภูมิคุ้มกันโรค (ACIP) ในสังกัดศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้การรับรองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันแล้ว ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการรับรอง หลังจากวัคซีนดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (27 ก.พ.)
ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการ CDC ได้ลงนามในเอกสารรับรองความปลอดภัยและประสิทธิภาพวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน รวมทั้งการอนุมัติให้สามารถใช้ได้ทั่วประเทศสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (1 มี.ค. 64)
Tags: ดาวโจนส์ฟิวเจอร์, บอนด์, บอนด์ยีลด์, พันธบัตรรัฐบาล, สหรัฐ