นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM ) แจ้งผลประกอบการปี 63 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,051 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 3,384 ล้านบาท หรือ 62.3%
เนื่องจากในปีนี้ไม่มีรายการ one time จากการโอนเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนใน บมจ.ทีทีดับบลิว (TTW) สุทธิจากภาษี 2,334 ล้านบาท และหากเปรียบเทียบกับกำไรปีก่อนที่ไม่รวมการ one time พบว่า กำไรลดลง 1,050 ล้านบาท หรือ 33.9%
สาเหตุหลักจากรายได้ที่ลดลงจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปี 63 ทำให้รายได้ค่าผ่านทางและรายได้ค่าโดยสารลดลง ขณะที่มีการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้าเงิน ซึ่งเปิดให้บริการครบทั้งสายทางแล้วเมื่อวันที่ 30 มี.ค.63 ที่ผ่านมา
บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 13,490 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 2,617 ล้านบาท หรือ 16.2% โดยรายได้ค่าผ่านทางลดลง 2,157 ล้านบาท รายได้ค่าโดยสารและรับจ้างเดินรถลดลง 502 ล้านบาท
ขณะที่รายได้พัฒนาเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น 42 ล้านบาท ในส่วนของรายได้อื่น จำนวน 833 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 55 ล้านบาท หรือ 6.2% เนื่องจากไม่มีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในปีนี้ ขณะที่มีการบันทึกเงินปันผลรับจาก TTW เป็นรายได้แทนการบันทึกส่วนแบ่งกำไรเนื่องจากการเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนในไตรมาสที่ 2 ปี 2562
แต่มีผลบวกจากการลดลงของค่าตัดจำหน่ายสิทธิในการใช้ประโยชน์บนงานก่อสร้างทางด่วนของทางพิเศษศรีรัช ซึ่งได้ถูกตัดจำหน่ายหมดไปแล้วในไตรมาส 1/63
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.พ. 64)
Tags: BEM, TTW, ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ, ทีทีดับบลิว, ผลประกอบการ, รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สมบัติ กิจจาลักษณ์, หุ้นไทย