สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือนเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยการผลิตน้ำมันดิบลดลงมากกว่า 10% เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 63.22 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. 2563
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 67.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2563
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 9.7 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ก.พ. ซึ่งลดลงกว่า 10% หรือประมาณ 1.1 ล้านบาร์เรล/วันจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในรัฐเท็กซัส
รายงานของ EIA ยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 4.8 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า ตลาดน้ำมันจะยังคงเผชิญภาวะตึงตัว เนื่องจากการกลับมาผลิตน้ำมันอีกครั้งของอุตสาหกรรมพลังงานในรัฐเท็กซัสจะเป็นไปอย่างล่าช้า โดยต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลังจากที่สภาพอากาศที่หนาวเย็นได้กระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซก่อนหน้านี้
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 4 มี.ค. โดยมีการคาดการณ์ว่าที่ประชุมจะมีมติผ่อนคลายมาตรการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันหลังเดือนเม.ย. เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.พ. 64)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน, ราคาน้ำมันวันนี้