นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า บริษัทวางงบลงทุนรวม 5 ปี (ปี 64-68) ไว้ที่ 103,267 ล้านบาท รองรับการลงทุนของ ปตท. และบริษัทในเครือที่ ปตท.ถือหุ้น 100% แบ่งเป็น 43% จะลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ เช่น โครงการโรงแยกก๊าซที่ 7 คาดจะเปิดดำเนินการได้ในปี 66 กำลังการลิต 460 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน, โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงแยกก๊าซฯ วงเงินลงทุนรวม 30,552 ล้านบาท และการลงทุนในธุรกิจท่อส่งก๊าซฯ หรือโครงการท่อก๊าซฯ บนบกเส้นที่ 5 คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 65 ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงแหล่งก๊าซฝั่งตะวันตกและตะวันออกได้ครบวงจร วงเงินลงทุนรวม 13,053 ล้านบาท
ส่วนอีก 47% ของงบลงทุนรวม จะลงทุนผ่านบริษัทลูกที่ ปตท. ถือหุ้น 100% ได้แก่ โครงการ LNG Terminal 2 (หนองแฟ่บ) ของ PTTLNG ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง กำหนดกำลังการผลิต 7.5 ล้านตันต่อปีในปี 65 และจะส่งผลให้มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็น 19 ล้านตันต่อปี คาดใช้เงินลงทุนรวม 22,150 ล้านบาท, ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย เช่น โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือ LNG ที่มาบตาพุด ระยะที่ 3 (MTP Phase#3) ผ่าน PTT Tank รวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ อย่าง Innobic (Asia) เพื่อลงทุนด้าน Life Science วงเงินลงทุนรวม 27,267 ล้านบาท
ส่วนอีกราว 10% ของงบลงทุนรวม จะใช้ในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน การค้าระหว่างประเทศ และปิโตรเลียมขั้นปลาย เช่น ธุรกิจการร่วมลงทุน (VC), EECi วังจันท์วัลเลย์ เป็นต้น วงเงินลงทุนรวม 10,245 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดเตรียมงบลงทุนสำหรับการลงทุนในโครงการอื่นๆ ใน 5 ปีนี้ไว้อีก 330,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างศึกษาโครงการ Southern LNG Terminal, LNG Value Chain และท่อส่งก๊าซฯ ตามแผน PDP 2018, โครงการ Gas-to-power และ การลงทุนในธุรกิจใหม่ เช่น พลังงานหมุนเวียน, Life sciences และพลังงานไฟฟ้า รวมถึงการเข้าซื้อกิจการ (M&A)
นายอรรถพล กล่าวอึกว่า บริษัทคาดว่าปี 64 จะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน หลังจากปีก่อนเกิดการขาดทุน โดยคิดตามสัดส่วนการถือหุ้นของปตท. รวมทั้งสิ้น 9,200 ล้านบาท และทั้งกลุ่ม ปตท.รวม 19,000 ล้านบาท โดย PTT คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 55-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนที่เฉลี่ยอยู่ที่ 42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยปัจจุบันราคาปรับขึ้นมาสู่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลแล้ว ตามความต้องการใช้พลังงานในช่วงฤดูหนาวในสหรัฐฯ
“ปีนี้คิดว่าคงไม่มีประเด็น Stock Loss หากราคาน้ำมันยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ก็จะมี stock gain ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปีก่อนเฉลี่ย 42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล”
นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพล กล่าวว่า สำหรับธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัทก็ตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจก๊าซธรรมชาติเป็น 80% ในปี 68 จากเดิมอยู่ที่ 67% ที่เหลือเป็นธุรกิจน้ำมัน เนื่องจากมองเห็นถึงความต้องการใช้ก๊าซฯ ที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะการใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า และการลงทุนของธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นจากนี้ก็จะมุ่งเน้นไปที่แหล่งก๊าซฯ มากกว่าน้ำมัน
ส่วนธุรกิจแบตเตอรี่และการกักเก็บพลังงาน (Battery & Energy Storage) บริษัทได้มีการเจรจากับกองทัพบกเพื่อนำเทคโนโลยีผลิตแบตเตอรี่จากบริษัท 24M มาใช้สำหรับรองรับการผลิตกักเก็บโซลาร์ฟาร์มในโครงการของกองทัพบกขนาด 3 หมื่นเมกะวัตต์ จึงมองว่าเป็นโอกาสที่จะไปลงทุน และนอกเหนือจากนั้น บริษัทยังมีแนวคิดที่จะนำแบตเตอรี่จาก 24M มาใช้ในกิจการทหารด้วยในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและทางการทหารในการทำเทคโนโลยีแบตเตอรี่ไปสร้างประโยชน์ เช่น นำไปใส่เสื้อเกราะ และรถถัง เป็นต้น
ด้านน.ส.พรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน PTT กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ กำลังติดตามและเข้าไปศึกษาการกู้เงินสกุลเงินดิจิทัลอย่างใกล้ชิด โดยที่ผ่านมาได้เข้าไปร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการศึกษาโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งมั่นใจว่าอนาคตบริษัทจะไม่ตกขบวนขั้นตอนการระดมทุนผ่านช่องดังกล่าวอย่างแน่นอน
ส่วนการออกหุ้นกู้ปีนี้ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากขึ้นอยู่กับว่าบริษัทจะมีโครงการใหม่ๆ ที่ต้องใช้เงินหรือมีโครงการขนาดใหญ่ที่น่าสนใจลงทุนเพิ่มเติมหรือไม่ จากปี 63 บริษัทมีการกู้เงินกว่า 60,000 ล้านบาทเพื่อรองรับสถานการณ์โควิด-19 และรวมทั้งกลุ่มมีการกู้เงินรวมทั้งสิ้น 200,000 ล้านบาท โดยมีการชำระคืนไปบางส่วนแล้วจำนวน 120,000 ล้านบาท และปัจจุบันก็มีกระแสเงินสดในมือค่อนข้างสูงกว่า 100,000 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.พ. 64)
Tags: PTT, ก๊าซธรรมชาติ, น้ำมัน, ปตท., พรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล, พลังงาน, หุ้นไทย, อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์, แบตเตอรี่