นายวิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมกาเคม (ประเทศไทย) (MGT) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 จะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนที่บริษัทมีรายได้ 756.2 ล้านบาท
โดยจะเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ให้มากขึ้น บริษัทจะใช้กลยุทธ์การมีสินค้ารองรับลูกค้าให้ทันกับความต้องการ แม้ว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าล่าช้าจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ แต่บริษัทได้สั่งสินค้าเข้ามาล่วงหน้าเพื่อรองรับความต้องการอยู่เสมอ
สำหรับ บริษัท เมกาเคม พลัส จำกัด ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้เจลล้างมือในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะเดียวกันได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัท Mega Fuji Graphite จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 49% ร่วมกับ Fuji Graphite Works ถือ 51% ทุนจดทะเบียน 35 ล้านบาท เสร็จสิ้นแล้วในวันที่ 15 ม.ค. โดยผู้เชี่ยวชาญจากญีปุ่นจะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยในเดือน มี.ค.64 คาดว่าจะสามารถดำเนินการวิจัย พัฒนา ผลิต และจำหน่าย Expand Graphite ภายในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมแผนลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าขนาด 2,000 ตารางเมตรในที่ดินของบริษัทตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมทองโกรว์ ด้วยมูลค่าการลงทุน 35 ล้านบาท เพื่อที่จะรองรับสินค้าใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเพิ่มเติม
บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการธุรกิจเคมีอาหาร เครื่องดื่ม ยา และเครื่องสำอาง ด้วยมูลค่าการลงทุนราว 200 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ โดยบริษัทมีเงินทุนเพียงพอสำหรับการลงทุน และยังมีกำไรจากผลการดำเนินงานเข้ามาเพิ่มเติม จึงยืนยันว่าจะไม่มีการเพิ่มทุนอย่างแน่นอน
“ความเสี่ยงหลักๆคงเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีอยู่ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีการติดตามอย่างใกล้ชิด และเชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ต่างๆที่เป็นผลกระทบภายนอกได้”
นายวิทยา กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.พ. 64)
Tags: MGT, ธุรกิจเคมีอาหาร, วิทยา อินาลา, หุ้นไทย, เครื่องดื่ม, เมกาเคม, เมกาเคม พลัส