นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า สัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ใช่เหตุผลที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะชะลอการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่ ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากยังคงเผชิญกับความยากลำบาก
นางเยลเลนกล่าวว่า นอกเหนือจากการมอบเช็คเงินสด 1,400 ดอลลาร์ให้กับประชาชนและการขยายโครงการช่วยเหลือคนว่างงานที่บรรจุอยู่ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้แล้ว คณะบริหารของปธน.ไบเดนยังเตรียมเปิดตัวโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานในปีนี้ด้วย โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
“เราจะพยุงเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะที่ย่ำแย่ เมื่อปีที่แล้วเป็นปีที่เศรษฐกิจทรุดตัวลงรุนแรงสุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2” นางเยลเลนกล่าวกับผู้ดำเนินรายการของ CNBC
นางเยลเลนได้ปฏิเสธความคิดเห็นของพรรครีพับลิกันที่มองว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยปธน.ไบเดนนั้น มีวงเงินสูงเกินไป โดยเธอกล่าวว่า แม้มีมาตรการช่วยเหลือที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว แต่สหรัฐก็ยังมีคนตกงานอีก 9 ล้านคน จากเดิมที่มีคนที่ว่างงานอยู่แล้วถึง 4 ล้านคน
ทั้งนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า สำนักงบประมาณของสภาคองเกรส (CBO) คาดการณ์ว่า หากไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของปธน.ไบเดนแล้ว สหรัฐอาจจะต้องใช้เวลานานถึงปี 2567 จึงจะทำให้ตัวเลขจ้างงานกลับสู่การขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพได้อีกครั้ง แต่ในทางกลับกัน การใช้มาตรการดังกล่าวอาจจะทำให้สหรัฐสามารถบรรลุเป้าหมายได้ภายในปีนี้
“เมื่อพิจารณาถึงผลที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวแล้ว ต้นทุนที่เราจะจ่ายไปนั้น เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่เราจะได้รับ” นางเยลเลนกล่าวกับ CNBC
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.พ. 64)
Tags: กระตุ้นเศรษฐกิจ, สหรัฐ, เจเน็ต เยลเลน, เยียวยาโควิด