นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บมจ.ซี.เจ.เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป (CJ) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงปลายปี 65 โดยอยู่ระหว่างการคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 2/64 และน่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ในไตรมาส 2/65
บริษัทมีวัตถุประสงค์จะระดมทุนดพื่อรองรับการขยายสาขาและการแข่งขันที่สูงขึ้นของธุรกิจค้าปลีก โดยวางเป้าหมายภายใน 3 ปี (64-66) จะมีสาขาไม่น้อยกว่า 1,000 สาขา จากปัจจุบัน 500 สาขาครอบคลุม 30 จังหวัด ซึ่งปีนี้มีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก 200 สาขา และวางเป้าหมายยอดขายเติบโตแตะ 5 หมื่นล้านบาท จากปี 64 คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มเป็น 2 หมื่นล้านบาท จากปี 63 อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท
“เราได้มีการเตรียมการมาสักระยะหนึ่งแล้ว คิดว่าไตรมาส 2/65 เราน่าจะยื่นไฟลิ่งได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการบริษัทในด้านต่างๆ ให้สอดคล้องกับเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่ปัจจัยหลักของการนำ CJ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น มองว่าหากเราต้องการให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถแข่งขันได้ จำนวนสาขาถือเป็นปัจจัยหลัก หากเราต้องการเปิดสาขาต่อปี 200 สาขา ต้องใช้เงินลงทุน 7-8 ล้านบาท/สาขา ดังนั้นต่อปีต้องใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนเองเนื่องจากไม่มีแฟรนไชส์”
นายเสถียร กล่าว
นายเสถียร กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกปัจจุบันมีการแข่งขันสูง มีผู้เล่นรายใหญ่จำนวนมาก และยังไม่มีผู้ประกอบการท้องถิ่นเข้ามาแข่งขันได้ ดังนั้น การที่ CJ สามารถขยายสาขา และสร้างการเติบโตอย่างในปี 63 ที่มีกำไรราว 1,000 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่สำคัญ
อีกทั้งหากขยายสาขาและสร้างกำไรได้ ถือว่า Business Model สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย และเชื่อว่าจะแข่งขันได้ รวมถึงบริษัทฯ ยังต้องการให้ผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการที่สาขา CJ แล้วเกิดประสบการณ์จากสินค้าที่มีหลากหลาย โดย CJ มีสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ (SKU) และถือเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตที่มียอดขายต่อสาขามากที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง อย่าง เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส, มินิ บิ๊กซี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.พ. 64)
Tags: CJ, ก.ล.ต., ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป, ซุปเปอร์มาร์เกต, ธุรกิจค้าปลีก, หุ้นไทย, เสถียร เศรษฐสิทธิ์, โมเดิร์นเทรด, ไฟลิ่ง