นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยถึงการจัดงาน”เปิดอกถกทุกประเด็น ครั้งที่ 2″ ในประเด็น”บิทคอยน์-บล็อกเชน”ว่า ถือเป็นการเตรียมความพร้อมให้ภาคการเงิน การลงทุน และนโยบายของภาครัฐ ให้ปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงและเท่าทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปทุกวัน เพื่อนำไปใช้ขับเคลื่อนมิติต่าง ๆ ของประเทศในยุคสังคมไร้เงินสด
รวมถึงเป็นการแบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อติดอาวุธให้ประชาชนในการเลือกลงทุนในอนาคต และเป็นที่น่ายินดีว่าปัจจุบันภาครัฐบางแห่ง เช่นกระทรวงพาณิชย์ได้นำบล็อกเชนไปจัดทำเว็บไซต์ Tracethai.com แพลตฟอร์มการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตรไปแล้วก่อนหน้านี้
นายปริญญ์ กล่าวว่าการจะพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ยกตัวอย่างเช่นการบริการสาธารณะดีที่สุด คือต้องให้ภาคเอกชนเป็นคนทำ ภาครัฐต้องทำตัวให้เล็กลง และบริหารจัดการให้เกิดพื้นที่การแข่งขันที่เป็นธรรม แก้ไขเรื่องกฎหมาย การแข่งขัน และปรับความคิด เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนหรือสตาร์ทอัพที่มีความสามารถเข้ามาทำงานบ้าง ถึงจะทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศเติบโตและแข่งขันได้
ด้านนายสัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ จำกัด กล่าวว่า บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่สร้างความเชื่อมั่น ไร้ตัวกลาง และอาศัยระบบกระจายศูนย์ ทำให้ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ สามารถนำไปใช้ได้จริงกับหลาย ๆ เรื่อง เช่น เศรษฐศาสตร์การแบ่งปัน (Sharing economy) ใช้กับภาคอุตสาหกรรม หรือการแพทย์ แต่กับในประเทศไทยยังเจอปัญหาด้านกฎหมาย ทำให้ประเทศพลาดโอกาสทองไปหลายครั้ง เพราะติดข้อจำกัดด้านกฎหมาย ที่มีหลายขั้นตอนและไม่เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด กล่าวว่า ทุกวันนี้โลกจะเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการการเงินที่ต้องเปลี่ยนรูปแบบไปด้วยเช่นกัน อะไรที่เร็วขึ้น ถูกลง และดีขึ้น อย่างคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) จึงได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ คำถามที่ว่าทำไมบิทคอยน์ถึงมีมูลค่าสูงขึ้นมากในปัจจุบัน เป็นเพราะช่วงเวลาที่ผ่านมา ได้ทำให้คนทั่วโลกเห็นแล้วว่า ไม่มีใครที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ความเชื่อมั่นเลยมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนมูลค่าของบิทคอยน์จะเพิ่มมากขึ้นไปอีกเท่าไหร่ คงตอบไม่ได้ เพราะไม่มีใครรู้อนาคต
ส่วนนายปรีชา ไพรภัทรกุล ผู้บริหารบริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า บล็อกเชนเป็นเรื่องที่มาเร็ว แต่ก็ไม่ใช่เร็วจนตามไม่ทัน แต่ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องอยู่บนบล็อกเชน อะไรที่ดีแล้วก็ทำไปเหมือนเดิม ส่วนอะไรที่ควรเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน เพราะถ้าไม่เปลี่ยน เราจะตามประเทศอื่นไม่ทัน ส่วนบิทคอยน์ ไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย ถ้าในอนาคตมีการร่วมมือกันขององค์กรใหญ่ ๆ เพื่อทำเหรียญใหม่ขึ้นมา ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
ด้านนายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น และเงินดิจิทัลซีคอยน์ (Zcoin) เปิดเผยว่า เงินสดไม่ได้ตอบโจทย์การใช้จ่ายจำนวนมาก จึงทำให้เกิดบริการโมบายแบงก์กิ้ง และเงินดิจิทัลขึ้น อย่างไรก็ตามในโลกไซเบอร์แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพียงใด แต่ก็ยังไม่ปลอดภัย 100% อาจมีช่องโหว่ที่ก่อให้เกิดความเสียหายได้บ้าง บล็อกเชนและบิทคอยน์จึงเป็นระบบที่สร้างความอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง ในขั้นที่คนเราสามารถยอมรับและอยู่กับมันได้อย่างไม่เป็นกังวลเท่านั้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.พ. 64)
Tags: Cryptocurrency, Zcoin, การลงทุน, การเงิน, คริปโตมายด์, คริปโตเคอร์เรนซี, คริปโทเคอร์เรนซี, จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา, บล็อกเชน, บิทคอยน์, บิทคับ ออนไลน์, ปรมินทร์ อินโสม, ปริญญ์ พานิชภักดิ์, ปรีชา ไพรภัทรกุล, พรรคประชาธิปัตย์, สกุลเงินดิจิทัล, สตางค์ คอร์ปอเรชั่น, สัญชัย ปอปลี, อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์