นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งผันผวน หลังตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการในเทศกาลตรุษจีน และเป็นช่วงก่อนตลาดหุ้นไทยเข้าสู่วันหยุดพิเศษ แต่ยังมีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันปรับขึ้น และถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ยังใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อและความคืบหน้ามาตรการกระคุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่มากขึ้น อีกทั้งวันนี้มีหุ้นขนาดใหญ่ คือ OR เตรียมเข้าเทรด สามารถช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยได้ พร้อมให้แนวต้าน 1,530 จุด แนวรับ 1,510 จุด
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวผันผวน จากการที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการในเทศกาลตรุษจีน และเป็นช่วงวันทำการสุดท้ายก่อนตลาดหุ้นไทยจะปิดในวันหยุดพิเศษพรุ่งนี้ (12 ก.พ.) ทำให้ทิศทางของตลาดอาจจะซึมได้เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น และการถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อ อีกทั้งยังมีความคาดหวังเกี่ยวกับความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นสหรัฐฯมากขึ้น และวันนี้ตลาดหุ้นไทยมีหุ้นขนาดใหญ่ที่เข้าซื้อขายในตลาดวันแรก คือ บมจ.ปตท.น้ำมันและค้าปลีก (OR) ซึ่งมีมูลค่าตลาดใหญ่ราว 2 แสนล้านบาท ที่จะเข้ามาเป็นปัจจัยหนุนให้กับตลาดหุ้นไทยได้ส่วนหนึ่ง แม้ว่าเมื่อวานนี้ดัชนีจะปรับลดลงมาเล็กน้อย แต่ยังไม่หลุดระดับแนวรับที่ 1,510 จุด ซึ่งยังเป็นมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นได้ต่อ และให้แนวต้านที่ 1,530 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,437.80 จุด เพิ่มขึ้น 61.97 จุด หรือ +0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,909.88 จุด ลดลง 1.35 จุด หรือ -0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,972.53 จุด ลดลง 35.16 จุด หรือ -0.25%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 29,995.28 จุด ลดลง 43.44 จุด หรือ -0.14%
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (11 ก.พ.) เนื่องในวันสถาปนาแห่งชาติ และตลาดหุ้นจีนปิดทำการตั้งแต่วันที่ 11-17 ก.พ. เนื่องในเทศกาลตรุษจีน - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ก.พ.) 1,516.94 จุด ลดลง 1.33 จุด, -0.09%
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,206.35 ล้านบาท (10 ก.พ.)
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.69% สู่ระดับ 58.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ก.พ.) อยู่ที่ 1.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 29.90 ทรงตัวจากวานนี้ แนวโน้มแกว่งแคบในกรอบ 29.85-29.95
- โบรกเกอร์ คาด “โออาร์” เทรดวันแรกราคาเหนือจองจากไอพีโอ 18 บาทต่อหุ้น เชื่อมีแรงซื้อจากนักลงทุนรายใหญ่-กองทุนเข้าซื้อ บล.กิมเอ็ง ประเมินระยะสั้นราคาไซด์เวย์ เหตุแรงขายทำกำไร แต่ระยะกลางราคาจะสะท้อนกับปัจจัยพื้นฐาน บล.เอเซีย พลัส ให้ราคาเหมาะสมปีนี้ที่ 24 บาท บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี แนะถือลงทุนยาวธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง ด้านผู้จัดการตลท.ชี้ โออาร์ เข้าจดทะเบียนหนุนตลาดทุนไทยน่าสนใจลงทุนมากขึ้น-เพิ่มฐานนักลงทุนหน้าใหม่
- บีโอไอ จูงใจเข้าตลาดหุ้นต่อเวลาถึงธ.ค.ปีหน้า เว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่ม 1 เท่า หวังดันตลาดทุน เล็งหารือตลท.ดึงบริษัทเข้าจดทะเบียนมากขึ้น เผยยอดลงทุนปี 2563 มูลค่า 4.8 แสนล้าน ลดลง 30% ชี้ อุตสาหกรรมการแพทย์-อิเล็กทรอนิกส์โตโดดเด่น ระบุปีนี้ยังไม่กำหนดเป้า ชี้สถานการณ์โควิดไม่แน่นอน
- มวลชนแน่นสกายวอล์ก เคาะหม้อ-กระทะ-เครื่องครัวสนั่น ต่อต้านเผด็จการ อมธ.ออกแถลงการณ์เรียกร้องปล่อยตัว 4 แกนนำ กลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อม สน.ปทุมวัน ขอปล่อยตัวเพื่อนถูกจับ
- “บิ๊กตู่” ยืนยันรัฐบาลหนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญ ย้ำเข้าสภาไปแล้ว หากหาข้อยุติไม่ได้ ต้องส่งศาลตัดสิน “พปชร.” ยันไม่มีเกมยื้อ แจงมติรัฐสภาส่งศาลวินิจฉัยอำนาจตั้งส.ส.ร.แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อปิดช่องโหว่ ตัดไฟแต่ต้นลม ย้ำวาระ 2 พร้อมเดินหน้า 24-25 ก.พ. รองปธ.สภาฯไฟเขียวญัตติ “ไพบูลย์” ส่งศาลรธน.ปมญัตติซักฟอก ชี้เข้าองค์ประกอบ “ก้าวไกล” ชงร่างกม. 5 ชุด ดันแก้ไข ม.112 หวังสถาบันพ้นการเมือง-ลดโทษรุนแรงเกินจริง “พิธา” ไม่หวั่นโดนยุบพรรค แค่ได้พูดก็คุ้มแล้ว หมอวรงค์ โร่ยื่นแสนรายชื่อค้านแก้ ม.112
หุ้นเด่นวันนี้
- PTTEP (เคทีบีเอสที) แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 119.00 บาท ค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุด โอกาสยืดอายุปริมาณสำรองปิโตรเลียมและเพิ่มปริมาณยอดขายในระยะยาว เป็นตัวผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนของกำไรในอนาคต คาดปริมาณสำรองอย่างน้อย 6 ล้าน ลบ.ฟ. หรือประมาณ 1,060 ล้านบาร์เรล สร้าง upside ต่อเป้าหมาย 7-10 บาท บนสมมติฐานปริมาณยอดขาย 600-800 mmscfd และราคาก๊าซธรรมชาติที่ USD3.5-USD4.0/mmbtu คงกำไรสุทธิปี 64 ที่ 2.67 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY หลักๆจากปริมาณยอดขายสูงขึ้น ต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) ที่ต่ำลงตามแผน
- AOT (เอเชียเวลท์) “ซื้อ” เป้าหมาย 72 บาท ผลประกอบการ 1Q64 (ต.ค.-ธ.ค. 63) ขาดทุน QoQ ลดลง คาดทั้งปี 64 (ต.ค.63-ก.ย.64) ขาดทุน 7.49 พันล้านบาท พลิกจากปี 63 ที่มีกำไร สมมติฐานจำนวนผู้โดยสารรวม ลดลง 52.4%YoY การแพร่ระบาด และประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการแพร่ระบาดถือเป็นความเสี่ยง แนะซื้อเพื่อลงทุนในระยะยาว คาดว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง Q2/63 ถึง Q3/63 (เม.ย.-ก.ย. 63) แต่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19
- RATCH (หยวนต้า) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 74 บาท Upside gain 41.0% พร้อมคาดเงินปันผลใน 2H63 ที่ 1.25 บาท หรือให้ผลตอบแทนราว 2.4% คาดกำไรปกติใน Q4/63 ที่ 1,168 ลบ. (-27%QoQ, +179%YoY) ชะลอลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วง Low season ของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ แต่เติบโตสูง YoY จากฐานที่ต่ำกว่าปกติของโรงไฟฟ้าหงสาซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศลาว และคาดกำไรปกติใน 1Q64 ระดับ 1,500-1,600 ลบ. เติบโต QoQ และทรงตัว YoY คาดปริมาณการจำหน่ายไฟจะเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนหนุนปริมาณการจำหน่ายไฟสูงขึ้น คงประมาณการกำไรปกติปี 64 ที่ 6,045 ลบ. (+6%YoY) เนื่องจากเริ่มรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า Yandin (214MW หรือ 150MWe), Collector (227MW หรือ 227MWe), Riau (214MW หรือ 150MWe), Fangchenggang II และ Thanh Phong ในต่างประเทศ รวมขนาด 2,913MW (623MWe)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.พ. 64)
Tags: OR, SET Index, ตลาดหุ้นไทย, ถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย, บล.กรุงไทย ซีมิโก้, ปตท.น้ำมันและค้าปลีก, หุ้นไทย