นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ปัญหาวิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนในวงกว้าง ธปท. ได้มีมาตรการเพื่อช่วยลดภาระให้กับลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพิ่ม “ทางด่วนแก้หนี้” เพื่อเป็นช่องทางเสริมสำหรับประชาชนและธุรกิจที่เป็นลูกหนี้ที่กำลังเดือดร้อน โดย ธปท.จะช่วยรับเรื่องและเป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล ติดต่อหรือเจรจากับผู้ให้บริการทางการเงินในกรณีจำเป็น
นอกจากนี้ ยังมีช่องทาง “คลินิกแก้หนี้” เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ค้างชำระและเป็น NPL กับผู้ให้บริการเพียงรายเดียวหรือหลายราย รวมทั้งหนี้ที่อยู่ในกระบวนการของศาลและมีคำพิพากษาแล้ว ซึ่งมีบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม กระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ที่มีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐาน เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เจ้าหนี้และลูกหนี้หาทางออกในการแก้ไขปัญหาร่วมกันได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรม ธปท. จึงได้ร่วมมือกับองค์กรที่เป็นเสาหลักทางยุติธรรม ในการสร้างวัฒนธรรมการไกล่เกลี่ยให้เกิดขึ้นในระบบการเงินของไทย เพื่อประโยชน์แก่ลูกหนี้ เจ้าหนี้ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง กล่าวคือ ลูกหนี้จะมีทางเลือกในการชำระหนี้มากขึ้น โดยจะได้รับข้อเสนอที่ผ่อนปรนทำได้จริง ขณะที่เจ้าหนี้จะได้รับประโยชน์เช่นกันจากการได้รับชำระหนี้คืน เพราะลูกหนี้จะยังผ่อนชำระหนี้ต่อเนื่อง ไม่ต้องไปฟ้องร้องบังคับคดี สามารถรักษาสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยลดปริมาณคดีในศาล และลดต้นทุนของระบบการเงินในภาพรวม
สิ่งที่เป็นรูปธรรมที่จะดำเนินการเป็นลำดับแรก คือ ความร่วมมือของสำนักงานศาลยุติธรรม กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ผู้ให้บริการบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล และ ธปท. จัดงาน “มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล” ระหว่างวันที่ 14 ก.พ. – 14 เม.ย. 64 ประชาชนที่มีหนี้บัตรและสินเชื่อส่วนบุคคล ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นหนี้ดีที่ยังผ่อนชำระปกติแต่เริ่มขาดสภาพคล่องชั่วคราว หรือหนี้ NPL ทั้งที่ยังไม่มีการฟ้อง อยู่ระหว่างฟ้อง หรือที่มีคำพิพากษาแล้ว สามารถใช้ช่องทางของงานมหกรรมในครั้งนี้เพื่อไกล่เกลี่ยปัญหาที่มีกับเจ้าหนี้ได้
“เนื่องจากปัจจุบันยังจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 งานมหกรรมที่จะจัดขึ้นจึงเป็นการไกล่เกลี่ยแบบออนไลน์ (Online mediation) เป้าหมายสำคัญและถือเป็นความพิเศษของงานมหกรรมไกล่เกลี่ยในครั้งนี้ คือ การไกล่เกลี่ยหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลในส่วนที่มีคำพิพากษาและถูกบังคับคดีแล้ว ซึ่งไม่สามารถเข้าคลินิกแก้หนี้ได้ และปกติเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นตอนนี้ เจ้าหนี้มักจะไม่ยอมเจรจา”
นางธัญญนิตย์ ระบุ
แต่ผู้ให้บริการทางการเงินจำนวน 21 แห่ง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ และความจำเป็นที่ต้องผ่อนปรนเงื่อนไขให้ปฏิบัติได้จริง เพื่อช่วยให้ทุกฝ่ายเดินต่อไปได้ โดยจะเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ในชั้นบังคับคดีเข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ร่วมกันได้อีกครั้งหนึ่ง ข้อเสนอที่ลูกหนี้จะได้รับในงานนี้จะมีความผ่อนปรนตามแนวทางของคลินิกแก้หนี้ ตัวอย่างเช่น ลูกหนี้จะผ่อนชำระเฉพาะเงินต้นเท่านั้น ส่วนดอกเบี้ยที่ค้างถ้ามีจะยกให้ ถ้าลูกหนี้จ่ายชำระตามแผนได้สำเร็จ และที่สำคัญจะมีระยะเวลาผ่อนชำระยาวถึง 5 ปี ซึ่งจะทำให้ค่างวดที่ลูกหนี้ต้องจ่ายไม่สูงนักและอยู่ในวิสัยที่ชำระได้ เช่น ถ้าเงินต้น 50,000 บาท ปีที่ 1-3 จ่ายเพียงเดือนละ 1,111 บาท ปีที่ 4-5 เดือนละ 416 บาท
สำหรับลูกหนี้ที่สถานะเป็น NPL ทั้งที่ยังไม่ถูกฟ้องหรือถูกฟ้องแล้ว สามารถใช้ช่องทางของงานมหกรรมไกล่เกลี่ยครั้งนี้สมัครเข้าคลินิกแก้หนี้ได้เลย และเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยของศาลไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากศาลรับข้อเสนอของคลินิกแก้หนี้เป็นหนึ่งข้อเสนอที่ใช้ในขั้นตอนไกล่เกลี่ยออนไลน์ของศาล ถือเป็นความคืบหน้าภายหลังที่การลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมกับ ธปท.
นอกจากนี้ คลินิกแก้หนี้ได้ปรับเกณฑ์คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ จากเดิมที่จะต้องเป็นหนี้ NPL ก่อน 1 กรกฎาคม 2563 เป็น NPL ก่อน 1 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อให้ครอบคลุมถึงลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบในช่วงวิกฤติโควิด19 ด้วย
ส่วนลูกหนี้บัตรเครดิตที่ยังไม่เป็น NPL แต่เริ่มขาดสภาพคล่อง สามารถเข้าร่วมมหกรรมการไกล่เกลี่ยหนี้ได้ เช่น ขอเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้ที่มีระยะเวลาผ่อนนานขึ้นที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำลง ซึ่งจะช่วยลดภาระลงได้ และดีกว่าการผ่อนขั้นต่ำไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้ อาจขอให้เจ้าหนี้คงวงเงินบัตรเครดิตบางส่วนเอาไว้ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ การเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้ระยะยาวดังกล่าว เป็นแนวทางหนึ่งของมาตรการขั้นต่ำในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของ ธปท. ซึ่งจะไม่กระทบประวัติในฐานข้อมูลเครดิตบูโร
สำหรับประชาชนที่มีหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน สามารถเข้าร่วมงานมหกรรมไกล่เกลี่ยออนไลน์ในครั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานศาลยุติธรรม กรมบังคับคดี ธปท. และศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) รวมทั้งผู้ให้บริการทางการเงินที่เข้าร่วม
ขอแนะนำให้ศึกษาแนวทางกรอกข้อมูลอย่างละเอียด ตรวจเช็คไม่ให้ผิดพลาด เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว หากต้องการความช่วยเหลือหรือคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถติดต่อศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. โทร 1213 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น. กรณีนอกเวลาทำการท่านสามารถฝากชื่อและเบอร์โทรศัพท์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรืออีเมล์มาที่ [email protected] เพื่อที่เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.พ. 64)
Tags: คลินิกแก้หนี้, ธนาคารแห่งประเทศไทย, ธปท., ธัญญนิตย์ นิยมการ, ลูกหนี้, สินเชื่อส่วนบุคคล, หนี้บัตรเครดิต