รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มอบหมายให้ นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รับหนังสือจากผู้แทนเครือข่ายคนจันท์ต้านเหมืองทอง 44 องค์กร
นำโดย นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคพลังท้องถิ่นไทย น.ส.ญาธิชา บัวเผื่อน ส.ส. จันทบุรี พรรคก้าวไกล นายสมยศ ศรีทองคำ สจ.จันทบุรี นายธีระ วงษ์เจริญ รักษาการประธานสมาพันธ์คนจันท์ต้านเหมืองทอง และคณะ เพื่อคัดค้านการยื่นขอคำอาชญาบัตรพิเศษแร่ทองคำของ บริษัท ริชภูมิ ไมนิ่ง จำกัด ในพื้นที่ 2 แปลง 14,650 ไร่ ใน ต.พวา ต.สามพี่น้อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมมือกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและต่อต้านการทำลายทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนในพื้นที่ จ.จันทบุรี
การยื่นหนังสือดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการหารือของเครือข่ายคนจันท์ต้านเหมืองทอง 44 องค์กร ซึ่งผ่านการรับรองข้อบังคับสมาพันธ์คนจันท์ต้านเหมืองทองจำนวน 15 คน เพื่อติดตามความคืบหน้าหลังจากเคยยื่นหนังสือแสดงจุดยืนคัดค้านไปยัง 4 หน่วยงาน คือ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ รวมถึงยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจันทบุรี
สำหรับข้อคัดค้านให้ยุติการออกอาชญาบัตรพิเศษแร่ทองคำของ บริษัท ริชภูมิ ไมนิ่ง จำกัด มีสาระสำคัญ ดังนี้
1.บริเวณที่จะดำเนินการสำรวจอยู่ในพื้นที่ติดกับป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ซึ่งเป็นผืนป่าขนาดใหญ่ผืนสุดท้ายของภาคตะวันออก มีเนื้อที่ประมาณ 1.2 ล้านไร่ ประกอบด้วย เขตรักษาพันธุ์ป่าเขาอ่างฤาไน อุทยานแห่งชาติเขาวง-เขาชะเมา อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น อุทยานแห่งชาติเขาสอยดาวและอุทยานแห่งชาติเขาคิชกูฎ บริเวณดังกล่าวอยู่ติดกับเขตลุ่มน้ำคลองวังโตนดพื้นที่ 1,839 ตารางกิโลเมตร (1.15 ล้านไร่) นอกจากเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของจังหวัดจันทบุรีแล้วยังแบ่งปันไปช่วยพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC ) ที่สำคัญยังเป็นที่อยู่ของช้างป่าประมาณ 400 เชือก ซึ่งมีอัตราการเพิ่มประมาณ 8% ดังนั้นหากมีการออกอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำและการขอประทานบัตรเหมืองแร่ในอนาคต ย่อมก่อให้เกิดการปนเปื้อนสารโลหะหนักในแหล่งน้ำ ส่งผลต่อผู้คนในจังหวัดจันทบุรีและภาคตะวันออก รวมทั้งจะสูญเสียพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียวของจังหวัดจันทบุรี
2.แผนพัฒนาจังหวัดจันทบุรีดำเนินการภายใต้วิสัยทัศน์ “จันทบุรีเมืองเกษตรปลอดภัย เศรษฐกิจมูลค่าสูง สังคมมีสุขบนวิถีพอเพียง”ประเด็นการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดจันทบุรี 4 มิติ คือ การเกษตร อัญมณี การท่องเที่ยวและการค้าชายแดน รายได้ครึ่งหนึ่งของจังหวัดมาจากภาคเกษตร สร้างมูลค่าสูงทางเศรษฐกิจให้ชาวจังหวัดจันทบุรีและประเทศแต่ละปีประมาณกว่า 100,000 ล้านบาท มีผลผลิตส่งออกปีละ 600,000 ตันอัตราการเติบโตต่อเนื่อง 7-10% และความสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติทำให้การท่องเที่ยวปี 2562 มีมูลค่าถึง 10,320 ล้านบาท ปี 2563 แม้ว่าจะมีสถานการ์โควิด-19 ยังทำรายได้ถึง 7,874 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่ารายได้จากค่าภาคหลวงแร่ ดังนั้นหากมีการออกอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำและการขอประทานบัตรเหมืองแร่ในอนาคตย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจังหวัดจันทบุรีและประเทศ
3.การยื่นขอออกอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำเป็นกระบวนการเริ่มต้นของการนำไปสู่การออกประทานบัตรเพื่อการทำเหมืองแร่ในอนาคต เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับชุมชนและประชาชนอย่างรุนแรงทั้งด้านสุขภาพ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในจังหวัดจันทบุรี เนื่องจากกระบวนการอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำ ตั้งแต่การระเบิดหิน การแต่งแร่ และการประกอบโลหะ มีการใช้สารเคมีที่เป็นพิษในปริมาณมาก โดยเฉพาะสารไซยาไนต์ ยิ่งกว่านั้นในหลายๆ จังหวัดที่มีการเปิดประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำ ชุมชนและประชนประสบปัญหาดังกล่าวอย่างรุนแรง และยังไม่ได้รับการแก้ไขเชิงประจักษ์อย่างเป็นรูปธรรม
นายอนุชา กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนตัดสินร่วมกันในครั้งนี้ถือเป็นแนวทางส่วนรวมที่รัฐบาลเพิกเฉยไม่ได้ โดยกระบวนการแก้ปัญหาต้องมีการหารือทั้ง 2 ส่วน คือ ส่วนของภาครัฐ และส่วนของภาคประชาชน ดังนั้นจึงควรมีการหารือพูดคุยกันเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม และเกิดประโยชน์ทุกภาคส่วน หลังจากรับมอบหนังสือจากประชาชนชาวจันทบุรีในวันนี้แล้วจะรีบดำเนินการนำเรียนนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.พ. 64)
Tags: จันทบุรี, จารึก ศรีอ่อน, ญาธิชา บัวเผื่อน, ธีรภัทร ประยูรสิทธิ, ธีระ วงษ์เจริญ, ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ริชภูมิ ไมนิ่ง, สมยศ ศรีทองคำ, อนุชา นาคาศัย, เครือข่ายคนจันท์, เหมืองทอง