สำนักงานฝ่ายกิจการต่างประเทศของอังกฤษประเมินว่า การก่อรัฐประหารทำให้เมียนมาอยู่ในจุดที่ไม่อาจกลับไปตั้งต้นใหม่ได้ และคาดว่าบรรดาประเทศผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยก็อาจไม่สามารถเข้าแทรกแซงสถานการณ์ของเมียนมาที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ได้
นักการทูตระดับอาวุโสของอังกฤษเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ผลการก่อรัฐประหารส่งผลให้สถานการณ์ในเมียนมาไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ โดยนายพลมิน อ่อง หล่าย จะหาทางขัดขวางนางอองซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อสถาปนาตนเองขึ้นเป็นประธานาธิบดี
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่การทูตของอังกฤษยังกล่าวถึงอีกหลายประเด็น รวมถึงความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การประท้วงต่อต้านรัฐประหารจนถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อ หลังเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประชาชนชาวเมียนนับหมื่นคนมารวมตัวกันในเมืองย่างกุ้ง เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางซูจี
นักการทูตอังกฤษยังกล่าวว่า พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ซึ่งไร้ผู้นำอาจเกิดความแตกแยก หลังจากที่นางซูจีและนายวิน มินต์ อดีตประธานาธิบดีเมียนมาถูกควบคุมตัวและถูกตั้งข้อกล่าวหา ซึ่งอาจส่งผลให้กองทัพเมียนมาเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งซึ่งจะจัดขึ้นภายในเดือนส.ค.ปีหน้าตามที่กองทัพได้ประกาศไว้
อย่างไรก็ดี นักการทูตคนดังกล่าวระบุด้วยว่า การเข้าแทรกแซงเมียนมาโดยใช้มาตรการอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากการคว่ำบาตรมีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากมาก
ทางด้านกระทรวงต่างประเทศอังกฤษได้ออกแถลงการณ์ประณามเหตุยึดอำนาจและเรียกร้องให้กองทัพเมียนมาเคารพต่อหลักกฎหมายและสิทธิมนุษยชนอีกครั้ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.พ. 64)
Tags: การเมืองพม่า, พรรค NLD, พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย, วิน มินต์, สิทธิมนุษยชน, อองซาน ซูจี, อังกฤษ, เมียนมา