นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่พบว่ามาตรการคัดกรองเชิงรุกและการสอบสวนโรคมีความสำคัญที่ช่วยขีดวงจำกัดการระบาดไว้ได้แม้จะพบผู้ป่วยติดเชื้อเพียงรายเดียวก็ตาม ขณะที่ประชาชนยังต้องดูแลตัวเองตามหลักชีวอนามัยอย่างเคร่งครัด ดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว และเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่มีโอกาสติดเชื้อเพราะไม่ได้สมหน้ากาก มีการพูดคุยกัน
โดยมีตัวอย่างการระบาดกลุ่มก้อนผู้ป่วยเชื่อมโยงบริษัทผลิตอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ย่านแสมดำในรายที่เป็นพนักงานหญิงอายุ 39 ปี ที่เริ่มมีอาการป่วยเมื่อวันที่ 23 ม.ค.64 แล้วแพร่เชื้อต่ออีก 3 ราย โดย 2 คนแรกเป็นคนในครอบครัว คือ แม่อายุ 63 ปี ที่อยู่บ้าน มีโรคประจำตัวคือเบาหวานและความดันโลหิตสูง และลูกชายอายุ 12 ปี แต่ไม่มีอาการ อีกรายเป็นเพื่อนพนักงานอายุ 39 ปี แต่ไม่มีอาการ หลังสอบสวนโรคพบว่า เมื่อวันที่ 16 และ 21 ม.ค.64 ได้พบกับชายอายุ 34 ปี อาชีพขายของออนไลน์ ซึ่งมีอาการป่วยเมื่อวันที่ 14 ม.ค.64 โดยได้พูดคุยกันนานราว 3 ชั่วโมง และชายคนนี้ยังไปพบกับเพื่อนขายของออนไลน์เป็นชายอายุ 18 ปี ซึ่งมีอาการป่วยเมื่อวันที่ 18 ม.ค.64
นอกจากนี้ยังพบการระบาดกลุ่มก้อนในจังหวัดมหาสารคามจากชายอายุ 46 ปี ที่เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 ม.ค.64 ต่อมาวันที่ 10 ม.ค.64 เริ่มมีอาการไข้, 18 ม.ค.64 ปวดเมื่อยตามตัว, 23 ม.ค.64 มีไข้ปวดเมื่อยจึงไปพบแพทย์ ผลตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 27 ม.ค.64 ซึ่งมีผู้สัมผัสเสี่ยง 110 ราย ผลตรวจพบผู้ติดเชื้อเป็นภรรยาและเพื่อนที่ไปกินโต๊ะแชร์รวม 7 ราย
นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ถึงแม้จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการแล้ว แต่ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือปฏิบัติตามหลักชีวอนามัยอย่างเคร่งครัด โหลดแอปพลิเคชั่นไทยชนะและหมอชนะ ต้องไม่พาตนเองไปในพื้นที่เสี่ยง งดกิจกรรมเสี่ยง ต้องดูแลตัวเองต่อไปโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายจนกว่าจะมั่นใจว่ามาตรการต่างๆ ที่มีอยู่สามารถหยุดยั้งการระบาดได้แล้ว
ด้าน นพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการสุ่มตรวจโรงงานที่มีแรงงานต่างด้าวในเขตบางขุนเทียน บางแค หนองแขม บางบอน และภาษีเจริญ ราว 40 แห่ง พบผู้ติดเชื้อในโรงงาน 4 แห่ง ในเขตบางขุนเทียน บางบอน และภาษีเจริญ และแนวโน้มพบผู้ป่วยติดเชื้อในกรณีต่างๆ เริ่มนิ่งแต่ยังต้องเฝ้าระวังต่อไปจนกว่าจะครบกำหนด 14 วัน และจะสุ่มตรวจคัดกรองในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสสัมผัสกับคนต่างด้าว เช่น พนักงานแลกบัตร วันมอเตอร์ไซค์ ตำรวจ และสถานประกอบการและที่พักอาศัยที่มีคนต่างด้าว เพื่อป้องการเชื้อโรคหลบซ่อนในชุมชน
สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ ยังพบผู้ป่วยติดเชื้อต่อเนื่อง ซึ่งในสัปดาห์ก่อนมียอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นมาจากกรณีงานเลี้ยงวันเกิดที่โรงแรมสองแห่งได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มเป็น 30 ราย โดยผู้ป่วยในสถานกักกันของรัฐเฉลี่ยอยู่ที่ 5-10 ราย/วัน ผู้ป่วยติดเชื้อที่มีประวัติเชื่อมโยงกับจังหวัดสมุทรสาครมีปละปลาย ไม่ได้เป็นกลุ่มก้อนใหญ่ ผู้ป่วยติดเชื้อที่มีประวัติเชื่อมโยงกับสถานบันเทิงไม่มีแล้ว ผู้ติดเชื้อในชุมชนที่มีคนต่างด้าวมีปละปลายและเชื่อมโยงกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ ขณะที่ผู้ป่วยติดเชื้อที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเพื่อนมีรายงานเพิ่มขึ้น อาจเกิดจากความย่อหย่อนในการดูแลตัวเอง และเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ม.ค. 64)
Tags: COVID-19, กรมควบคุมโรค, กระทรวงสาธารณสุข, คัดกรองเชิงรุก, เฉวตสรร นามวาท, โควิด-19