สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รายงานประจำปีขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (28 ม.ค.) ระบุว่าการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวระหว่างประเทศในปี 2563 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศลดลง 74%
รายงานระบุว่าการเดินทางของนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศลดลงราว 1 พันล้านครั้งทั่วโลกในปี 2563 เมื่อเทียบกับปี 2562 อันเป็นผลมาจากข้อจำกัดการเดินทางที่บังคับใช้ในเกือบทุกประเทศทั่วโลกเพื่อควบคุมการระบาดใหญ่
องค์การฯ คาดการณ์ว่าการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจะนำไปสู่การสูญเสียรายได้ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 38 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็น 11 เท่าของความสูญเสียที่เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2552 ซึ่งถูกกำหนดว่าเป็น “ปีที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์” ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
การระบาดใหญ่ส่งผลกระทบต่อทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกลดลง 84% ในตะวันออกกลางและแอฟริกาลดลง 75% ขณะในยุโรปลดลง 70% แม้จะฟื้นตัวเล็กน้อยในช่วงฤดูร้อน ส่วนทวีปอเมริกาลดลง 69%
ซูรับ โปโลลิคาซวิลลี่ เลขาธิการองค์การฯ เตือนว่าปี 2564 จะเป็นปีที่ยากลำบากเช่นกัน “แม้มีความเป็นไปได้สูงที่การเดินทางระหว่างประเทศจะเป็นไปอย่างปลอดภัยในปีนี้ แต่เราตระหนักว่าวิกฤตครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ความร่วมมือ และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของมาตรการลดความเสี่ยงจากโรคโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง อาทิ การทดสอบ การติดตาม และการฉีดวัคซีน จะเป็นรากฐานสำคัญของการเดินทางที่ปลอดภัยและการเตรียมความพร้อมสำหรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทันทีที่ปัจจัยต่างๆ เอื้ออำนวย”
นอกจากนี้คณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การฯ ยังคาดการณ์ผลลัพธ์ที่หลากหลายสำหรับปี 2564 โดยราว 45% คาดว่าปี 2564 จะเป็นปีที่ดีขึ้น 25% คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อน และ 30% คาดว่าจะแย่ลง โดยคณะผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ชี้ว่าการท่องเที่ยวระหว่างประเทศจะต้องใช้เวลาราว 2 ปีครึ่งถึง 4 ปี เพื่อกลับสู่ระดับเดียวกับปี 2562
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 64)
Tags: UNWTO, XINHUA, ซูรับ โปโลลิคาซวิลลี่, นักท่องเที่ยว, อุตสาหกรรมท่องเที่ยว