นายสาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) เปิดเผยว่า แนวโน้มของผลการดำเนินงานในปี 64 คาดว่าจะยังขาดทุนอยู่ เนื่องจากยังเป็นปีที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงเพื่อขยายธุรกิจโรงพยาบาลไปในจังหวัดต่างๆ รวมถึงการขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งคลินิกและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ประกอบกับการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาลที่เป็นธุรกิจหลักต้องใช้ระยะเวลาคืนทุนไม่ต่ำกว่า 5 ปี ส่งผลให้คาดว่าอย่างเร็วบริษัทจะเริ่มพลิกกลับมามีกำไรได้ในปี 65 ซึ่งจะมีการลงทุนลดลงค่อนข้างมาก
สำหรับการลงทุนในปี 64 บริษัทตั้งงบไว้ที่ 1 พันล้านบาทเพื่อใช้ซื้อโรงพยาบาลอีก 3 แห่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 แห่ง และภาคใต้ 2 แห่ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาคาดว่าจะทยอยได้ข้อสรุปออกมาอย่างต่อเนื่องในปีนี้
นายสาธิต กล่าวว่า แนวทางการขยายโรงพยาบาลในต่างจังหวัดนั้น หลังจากเริ่มมีจำนวนเครือข่ายโรงพยาบาลในภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มขึ้นมากแล้ว ทำให้บริษัทจะหันไปขยายเครือข่ายในภาคใต้มากขึ้น โดยมองว่ายังมีช่องทางในการทำธุรกิจโรงพยาบาลที่เติบได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโรงพยาบาลในภาคใต้เพียง 1 แห่งในจังหวัดชุมพร
ปัจจุบัน บริษัทมีโรงพยาบาลในเครือทั้งหมด 11 แห่งใน 10 จังหวัด จำนวนเตียงรวมราว 1,000 เตียง และจะมีโรงพยาบาลใหม่ที่จะเปิดให้บริการในเดือน มี.ค.-เม.ย. 64 ในจังหวัดลำพูนและศรีสะเกษ รวมจำนวน 118 เตียง และในช่วงสิ้นปีจะมีโรงพยาบาลเพิ่มเป็น 14 แห่ง พร้อมตั้งเป้ามีจำนวนโรงพยาบาลในปี 66 เพิ่มเป็น 20 แห่ง จำนวนเตียง 1,800 เตียง
อีกหนึ่งธุรกิจที่บริษัทจะมุ่งเน้นไปเป็นธุรกิจเกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นการต่อยอดมาจากธุรกิจหลัก โดยปัจจุบันได้เริ่มลงทุนก่อสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในย่านบางนา เป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น เพื่อเตรียมความพร้อมขยายจำนวนศูนย์ดังกล่าวเพิ่มไปสู่เป้าหมาย 5 ศูนย์ภายในปี 66
ขณะนี้บริษัทได้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) สัดส่วน 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดทางให้พันธมิตรรายอื่นๆ ที่สนใจเข้ามาร่วมลงทุนในระยะยาว หรืออยากเข้ามาต่อยอดธุรกิจด้านการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ เข้ามาถือหุ้นใน PRINC ซึ่งขณะนี้เจรจากับผู้สนใจที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงพยาบาล 3-4 ราย เช่น ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มพลังงาน กลุ่มโลจิสติกส์และการขนส่ง และกลุ่มสื่อและมีเดีย คาดว่าจะมีความชัดเจน 1 รายในช่วงเดือน เม.ย. 64 ซึ่งบริษัทคาดหวังจะได้เงินจากการเสนอขายหุ้น PP เข้ามาต่อยอดการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท
“แนวทางการหาแหล่งเงินทุนของบริษัทจะหันมามองที่การให้พันธมิตรที่สนใจต่อยอดุรกิจเข้ามาลงทุนในบริษัท ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาวมากขึ้น ทำให้เรามองการเสนอขาย PP จะเป็นแนวทางที่จะระดมเงินทุนเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจ ซึ่งในแต่ละปีเราก็เตรียมสัดส่วนการเสนอขาย PP ให้กับพันธมิตรไว้ที่ 10%”
นายสาธิต กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าเปิดคลินิกเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้การบริการทางการแพทย์ในเครือโรงพยาบาลของบริษัทสามารถเข้าถึงชุมชนต่างๆได้มากขึ้น ช่วยสร้างรายได้เสริมเข้ามาให้กับบริษัทนอกเหนือจากการบริการในโรงพยาบาล โดยปัจจุบันมีคลินิกในเครือของบริษัทอยู่ทั้งหมด 20 แห่ง และตั้งเป้าขยายเพิ่มเป็น 100 แห่งภายในปี 66
จากการรุกขยายธุรกิจของบริษัทอย่างต่อเนื่องบริษัทคาดหวังการเติบโตของธุรกิจที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างรายได้ที่บริษัทตั้งเป้าการเติบโตรายได้เฉลี่ยในช่วงปี 64-66 จะเติบโตอยู่ที่ 42% และจะเริ่มมีกำไรได้ตั้งแต่ปี 65 พร้อมกับการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจจาก Hospital Chain มาเป็น Healthcare Enable จากการกระจายรูปแบบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ที่เข้ามาต่อยอดธุรกิจหลัก และคาดหวังจะมีมูลค่าธุรกิจเพิ่มเป็นอีก 1 เท่า จากปัจจุบัน 1.4 หมื่นล้านบาท มาเป็น 2.8 หมื่นล้านบาทภายในปี 66 อีกทั้งยังพยายามผลักดันบริษัทขึ้นเป็นเครือโรงพยาบาลอันดับ 6 ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และให้หุ้น PRINC เข้าไปอยู่ใน SET50 ให้ได้
ด้านสินทรัพย์ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทที่ยังมีอยู่ โดยเฉพาะโรงแรม 2 แห่งในสาทร และเอกมัย บริษัทยังไม่เร่งรีบการขายออกไปในตอนนี้ เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ราคาขายลดลงไปมาก หากเร่งการขายออกไปในช่วงนี้อาจจะได้เงินมาไม่เพียงพอและไม่คุ้มค่า จึงชะลอการขายออกไปจนกว่าทิศทางของราคาจะกลับมาดีและอยู่ในระดับที่บริษัทมองว่าเหมาะสม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ม.ค. 64)
Tags: PRINC, ธุรกิจโรงพยาบาล, พริ้นซิเพิล แคปิตอล, สาธิต วิทยากร, หุ้นไทย, อสังหาริมทรัพย์