นิตยสารฟอร์บสของสหรัฐเปิดเผยบทความว่า บริษัทต่างชาติยังคงเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องในจีน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศมีการฟื้นตัวและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
บทความฉบับดังกล่าว ซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ของฟอร์บสเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อ้างถึงรายงานฉบับใหม่ของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ที่ระบุว่า จีนมียอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในปี 2563 สูงที่สุดในโลก
บทความระบุว่า เทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของสหรัฐ “กำลังเพิ่มกำลังการผลิตในจีน” ส่วนเป๊ปซี่โค อิงค์ บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ ได้ซื้อแบรนด์ขนมขบเคี้ยวของจีนมูลค่า 705 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว บริษัทของประเทศตะวันตกยังคง “ทุ่มทรัพยากรของตนมายังประเทศจีนที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว”
“บริษัทของสหรัฐและบริษัทต่างชาติอื่นๆ จะยังคงลงทุนในจีนต่อไป เนื่องจากจีนยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากที่สุดในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงศักยภาพในการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคตยังคงแข็งแกร่งกว่าประเทศเศรษฐกิจใหญ่อื่นๆ ส่วนใหญ่”
นายอดัม ไลเซนโก นักวิเคราะห์จากโรเดียม กรุ๊ป กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เมื่อเดือนที่ผ่านมา
บทความระบุว่า รัฐบาลจีนได้ประกาศใช้ “มาตรการล็อกดาวน์ขนาดใหญ่ที่เข้มงวดในช่วงต้นปี 2563” และเพิ่มเติมว่า “จีนก็ได้กลับมาทำงาน ยอดการผลิตปรับตัวขึ้น และส่งผลให้จีนเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่เพียงประเทศเดียวที่มีการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2563”
ทั้งนี้ UNCTAD เปิดเผยรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ทั่วโลกในปี 2563 ทรุดตัวลง 42% ขณะที่ยอด FDI ของจีนเพิ่มขึ้น 4% แตะ 1.63 แสนล้านดอลลาร์ และส่งผลให้จีนมียอด FDI ในปี 2563 สูงที่สุดในโลก ตามด้วยสหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ม.ค. 64)
Tags: UNCTAD, การลงทุน, จีน, บริษัทต่างชาติ, ฟอร์บส์, สหรัฐ, อดัม ไลเซนโก, เทสลา