โฆษกรัฐบาล เผยยอดสมาชิกกอช.พุ่งตะ 2.4 ล้านคน หนุนขับเคลื่อนวินัยการออม

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้การออมเป็นวาระแห่งชาติ ผนวกกับเป้าหมาย 60% ของประชากรวัยทำงานเตรียมความพร้อมทางการเงินเพื่อใช้ในวัยเกษียณ การส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมอย่างเป็นระบบตั้งแต่ในวัยเยาว์ และในกลุ่มผู้มีอาชีพอิสระจึงเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ติดตามการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง และได้ชื่นชมผลงานการขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าวเพราะประสบความสำเร็จอย่างมาก

ทั้งนี้ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ได้เป็นหน่วยงานหลักที่ส่งเสริมการออมในกลุ่มผู้ฝากรายย่อย โดยรัฐออกเงินสมทบ 50-100% ตามจำนวนเงินฝากและช่วงอายุของสมาชิก เริ่มออมตั้งแต่ 50 บาทต่อเดือน จำนวนสมาชิกกอช.นับจากปี 59 จนถึงสิ้นปี 63 มีเพิ่มขึ้นอย่างมาก จาก 4 แสนคน เป็นมากกว่า 2.4 ล้านคน อาชีพที่สนใจสมัครสูงสุดคือ อาชีพเกษตร 48% ผู้ประกอบอาชีพอิสระ 31% อาชีพค้าขาย 6%

นอกจากจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการทำงานร่วมกับหน่วยงานระดับท้องถิ่น ในการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถสมัครสมาชิกได้ ที่อำเภอ คลังจังหวัด สถาบันการเงินชุมชน ตัวแทน กอช.ประจำหมู่บ้าน ทางกอช.ยังจับมือกับธนาคารออมสินทำสมุดเงินออมให้กับสมาชิก เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องการอัพเดทความเคลื่อนไหวของเงินออม ซึ่งสมาชิกสามารถติดต่อขอรับสมุดเงินออมสะสม (Passbook) ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ

สำหรับกลุ่มเป้าหมายเยาวชนเพื่อสร้างนิสัยการออมและรู้จักวางแผนการเงินตั้งแต่วัยเรียน กอช.ได้ลงนามความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งขณะนี้ ได้นำร่องกับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว จำนวน 119 โรงเรียน และมีนักเรียนนักศึกษาเป็นสมาชิก 6% ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ทั้งนี้ เมื่อจบการศึกษาแล้วนักเรียนสามารถออมเงินต่อได้ และสามารถนำเงินออมไปลดหย่อนภาษีได้เมื่อเข้าทำงาน

นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ตระหนักว่าการมีเงินออมไว้ใช้ยามฉุกเฉินเป็นเรื่องจำเป็นมาก การสร้างนิสัยการออมและการมีทักษะการวางแผนการเงินจึงเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีให้ความใส่ใจ และอยากให้ประชาชนมีพื้นฐานที่ดีในเรื่องนี้ มากไปกว่านั้น สำหรับสมาชิกกอช. ที่ในช่วงนี้ไม่สามารถส่งเงินออมอย่างต่อเนื่องได้ ทางกอช.ได้ยืนยันว่า สิทธิในการเป็นสมาชิกยังคงสภาพเดิม อย่างไรก็ตาม ควรส่งเงินออมสะสมอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี เพื่อรับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐ ตามช่วงอายุของสมาชิก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ม.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top