วารสารทางการแพทย์ New England Journal of Medicine ตีพิมพ์ผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ซึ่งฉีดให้กับกลุ่มอาสาสมัครทั้งวัยหนุ่มสาวและผู้สูงอายุในปริมาณเพียงหนึ่งโดส โดยพบว่ามีความปลอดภัยและสามารรถกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในกลุ่มทดลองดังกล่าว
“ข้อมูลทดลองทางคลินิกในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 บ่งชี้ว่า การฉีดวัคซีนโดสเดียวสามารถสร้างแอนติบอดีในระดับคงที่ได้ ข้อมูลนี้ช่วยให้บริษัทมั่นใจว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันไวรัสโควิด-19” ดร.พอล สโตฟเฟลส์ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ J&J เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ของบริษัทได้ทำการทดลอง ด้วยการสุ่มฉีดวัคซีนที่เรียกว่า Ad26.COV2.S และยาหลอกในปริมาณมากน้อยสลับกันไปในกลุ่มวัยผู้ใหญ่ที่แข็งแรง อายุ 18-55 ปี และผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป โดยอาสาสมัครบางรายในช่วงอายุ 18-55 ปี จะได้รับวัคซีน 2 โดส
ผลการทดลองพบว่า หลังได้รับวัคซีนผ่านไป 28 วัน ร่างกายของอาสาสมัครส่วนใหญ่สามารถผลิตแอนติบอดีที่มีความเป็นกลาง ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่ามีบทบาทสำคัญในการช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายให้ปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19
ผลการทดลองยังระบุว่า เมื่อผ่านไป 57 วัน อาสาสมัครทุกรายจะมีแอนติบอดีดังกล่าวในร่างกาย ไม่ว่าจะได้รับวัคซีนกี่โดสหรืออายุเท่าใดก็ตาม โดยในกลุ่ม 18-55 ปี จะมีระดับแอนติบอดีคงที่อย่างน้อย 71 วัน
สำหรับผลข้างเคียงของวัคซีนที่พบได้บ่อยคือ มีอาการไข้ เหนื่อยล้า ปวดศีรษะและกล้ามเนื้อ และมีอาการเจ็บปวดบริเวณจุดที่ฉีด โดยอาการดังกล่าวจะพบน้อยลงในกลุ่มผู้สูงอายุที่ได้รับวัคซีนหนึ่งโดส รวมถึงผู้ที่ได้รับวัคซีนในปริมาณที่น้อยกว่า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ม.ค. 64)
Tags: COVID-19, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, วัคซีนต้านโควิด-19, โควิด-19