สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งซึ่งรวมถึงวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า กระทรวงการคลังสหรัฐได้ตัดสินใจไม่รวมบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง, บริษัทเทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ และบริษัทไป่ตู้ อิงค์ของจีน ในรายชื่อบริษัทจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้พยายามแบนบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนเหล่านี้
รายงานข่าวดังกล่าวทำให้หุ้นของอาลีบาบาในตลาดสหรัฐพุ่งขึ้นถึง 4.3% ขณะที่หุ้น ADR ของเทนเซ็นต์ ปรับตัวขึ้น 2.9%
หากสหรัฐตัดสินใจแบนอาลีบาบาและเทนเซ็นต์ ก็น่าจะนับเป็นการยกระดับความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่สุดภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพราะบริษัททั้งสองแห่งนี้มีมูลค่าสูงและทรงอิทธิพลมาก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเมื่อสัปดาห์แล้ว คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้พิจารณาที่จะรวมบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง และบริษัทเทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ของจีนในรายชื่อบริษัทจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำในข้อหาที่เป็นบริษัทที่ถูกครอบครองและควบคุมโดยกองทัพจีน ซึ่งจะส่งผลให้หลักทรัพย์ของบริษัทจีนเหล่านี้ไม่สามารถทำการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐได้
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนนั้นย่ำแย่ลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายสิบปี หลังจากทั้งสองประเทศมีปัญหาขัดแย้งกันหลายด้านนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19, การใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง, ด้านการค้า และการจารกรรมข้อมูล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ม.ค. 64)
Tags: ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, จีน, จีนสหรัฐ, ตลาดหุ้น, บัญชีดำ, สหรัฐ, อาลีบาบา, เทนเซ็นต์, ไป่ตู้