สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 232 ต่อ 197 ถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยความผิดในข้อหายุยงปลุกปั่นให้กลุ่มผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี
ทั้งนี้ การลงมติถอดถอนปธน.ทรัมป์มีขึ้นเพียงไม่กี่วัน ก่อนที่นายไบเดนจะเข้าพิธีสาบานตนเพื่อเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 ม.ค. โดยหลังจากนี้ สภาผู้แทนฯจะส่งญัตติการถอดถอนปธน.ทรัมป์ให้กับวุฒิสภาสหรัฐเพื่อพิจารณาเป็นลำดับต่อไปว่า จะลงมติถอดถอน หรือคัดค้านการถอดถอนปธน.ทรัมป์
รายงานระบุว่า สมาชิกสภาผู้แทนฯจากพรรครีพับลิกันจำนวน 10 คน ได้เข้าร่วมกับพรรคเดโมแครตในการลงมติถอดถอนปธน.ทรัมป์ในครั้งนี้ โดยการประชุมสภาผู้แทนฯจัดขึ้นท่ามกลางการอารักขาของกองกำลังทหารแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อปกป้องอาคารรัฐสภาไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเหมือนเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐที่ถูกสภาผู้แทนราษฎรลงมติถอดถอนถึง 2 ครั้ง โดยในครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2562 สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติถอดถอนปธน.ทรัมป์ในสองข้อหา ซึ่งได้แก่ การใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน และบุตรชายของนายไบเดนซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 5 ก.พ. 2563 วุฒิสภาสหรัฐลงมติคัดค้านการถอดถอนปธน.ทรัมป์ทั้ง 2 ข้อหา ซึ่งทำให้ปธน.ทรัมป์พ้นผิดในขั้นตอนของวุฒิสภา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ม.ค. 64)
Tags: ถอดถอน, พรรคเดโมแครต, ยูเครน, สภาคองเกรส, สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ, เลือกตั้งประธานาธิบดี, โจ ไบเดน, โดนัลด์ ทรัมป์, โวโลดิมีร์ เซเลนสกี