ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ความวุ่นวายทางการเมืองในสหรัฐซึ่งรวมถึงการที่สมาชิกพรรคเดโมแครตได้ยื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่งนั้น อาจทำให้การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เป็นไปอย่างล่าช้า นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังตลาดพุ่งขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,008.69 จุด ลดลง 89.28 จุด หรือ -0.29%
- ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,799.61 จุด ลดลง 25.07 จุด หรือ -0.66%
- และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,036.43 จุด ลดลง 165.54 จุด หรือ -1.25%
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 1.61% ดัชนี S&P500 พุ่งขึ้น 1.83% และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 2.43% โดยทั้งดาวโจนส์ และ Nasdaq ต่างก็ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอาจเป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากความวุ่นวายทางการเมือง โดยล่าสุดสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเดโมแครตจำนวน 3 รายได้ยื่นญัตติถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง โดยญัตติดังกล่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวเท็จเกี่ยวกับการที่เขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีเพราะมีการโกงเลือกตั้ง และได้ปลุกระดมมวลชนให้บุกเข้าไปยังสภาคองเกรสในวันพุธที่ผ่านมา เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง 1.89% โดยหุ้นคราฟท์ ไฮนซ์ ดิ่งลง 2.29% หุ้นโคคา-โคลา ร่วงลง 1.72% หุ้นเป๊ปซี่โค ดิ่งลง 1.45% หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ลดลง 0.68%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารร่วงลง 1.76% นำโดยหุ้นทวิตเตอร์ดิ่งลง 6.41% หลังทวิตเตอร์ประกาศปิดบัญชี @realDonaldTrump ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นการถาวร โดยระบุถึงความเสี่ยงที่ปธน.ทรัมป์อาจทวีตข้อความที่สร้างความรุนแรงในสหรัฐ ด้านนักวิเคราะห์มองว่าการปิดบัญชีดังกล่าวของปธน.ทรัมป์จะทำให้ทวิตเตอร์สูญเสียลูกค้าจำนวนมาก เนื่องจากบัญชีทวิตเตอร์ของปธน.ทรัมป์ มีผู้ติดตามมากกว่า 88 ล้านราย
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารนั้น หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 4.01% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 2.31% หุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 2.32% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.97% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ร่วงลง 2.15% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 2.21%
หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.48% หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 737-500 ของสายการบินศรีวิจายา แอร์ ของอินโดนีเซีย ประสบอุบัติเหตุตกทะเลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือจำนวน 62 คนเสียชีวิต
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2563 รวมทั้งการเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการในปีงบการเงิน 2564 ของบริษัทจดทะเบียน โดยเจพีมอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการในวันศุกร์นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนธ.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนพ.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ม.ค. 64)
Tags: dowjones, Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก