นักวิเคราะห์ฯเล็งตลาดหุ้นไทยเช้านี้พุ่งขึ้นทะลุด่าน 1,520 จุด เช่นเดียวกับตลาดภูมิภาคที่เช้านี้ปรับขึ้นกันยกแผง รับแรงหนุนจากสภาคองเกรสสหรัฐรับรอง”ไบเดน”ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการ เล็งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐก็ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้เชื่อมั่นการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกปีนี้มากขึ้น นอกจากนี้คาดว่า Fund Flow จะไหลเข้า Emerging Market หลังดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,505 แนวต้าน 1,530-1,540 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นและมีลุ้นผ่านแนว 1,520 จุดไปได้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้นยกแผงราว 0.3-0.9% รับแรงหนุนจากสภาคองเกรสสหรัฐประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดนอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะช่วยให้คณะบริหารของพรรคเดโมแครตสามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ได้
นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐก็ออกมาดีกว่าคาด ทั้งดัชนีภาคบริการของสหรัฐ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน เป็นต้น ส่งผลให้นักลงทุนเชื่อมั่นการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกปีนี้มากขึ้น และคาดว่า Fund Flow น่าจะยังไหลเข้าใน Emerging Market อยู่ จากเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และสัปดาห์หน้าให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์
พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,505 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530-1,540 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,041.13 จุด เพิ่มขึ้น 211.73 จุด ( + 0.69%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,803.79 จุด เพิ่มขึ้น 55.65 จุด (+1.48%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,067.48 จุด เพิ่มขึ้น 326.69 จุด (+2.56%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.49 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 230.01 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 81.51 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ม.ค.) 1,513.78 จุด เพิ่มขึ้น 21.42 จุด (+1.44%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 302.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ม.ค.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 ม.ค.) ปิดที่ 50.83 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ม.ค.) อยู่ที่ 0.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.05 อ่อนค่าตามภูมิภาคจากดอลล์แข็งหลังการเมืองสหรัฐมีความชัดเจน
- การเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวครบสมบูรณ์หลังจากเปิดให้บริการส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.63 นั้น ยังต้องลุ้น กทม.ขยายเวลานั่งรถไฟฟ้า “บีทีเอส” ส่วนต่อขยายฟรีหลัง 15 ม.ค.ถกทางออกปัญหาสัมปทาน 3 แนวทาง ประมูลใหม่ จ้างบีทีเอสเดินรถชี้ต่อสัมปทานเหมาะสุด เอกชนรับภาระหนี้แทนพร้อมจ่ายส่วนแบ่งค่าเดินรถ 2 แสนล้านบาท หลังกทม.มีข้อจำกัดกระแสเงินสดด้าน “บีทีเอส” รอผู้ว่าฯกทม.เคาะค่าเดินรถต่อขยาย ลุ้นต่อสัญญา 30 ปี
- กนอ.เกาะติดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หวั่นฉุดเชื่อมั่นการลงทุนปี 64 ชะลอตัว สั่งคุมเข้มนิคมฯให้ควบคุมโรงงานปฏิบัติตามกฎหมาย ป้องกันการแพร่ระบาดโดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุด พร้อมลงนามร่วมดำเนินการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมโรจนะหนองใหญ่ 1,900 ไร่เปิดดำเนินการปี 67
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะภาคส่งออกตั้งรับ ‘บาทแข็ง’ หลุด 30 บาทยาว ตลอดปีได้เห็น 29-29.25 บาท/ดอลลาร์ แม้ ธปท.ผ่อนเกณฑ์หวังคลายเงินบาทอ่อนลงยังไม่ช่วย ‘อินเตอร์โกลด์ฯ’ ชี้ช่องจับ 3 แนวทางลงทุนทองช่วงขาขึ้นได้ไม่เจ็บตัว
- หอการค้าไทยคาดโควิด-19 ระลอกใหม่ฉุดจีดีพีปี 64 หดเหลือ 2.2% แนะอาจจะต้องใช้เงิน 6 แสนล้านกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ทิสโก้มองตลาดหุ้นคึกคัก เพราะกำไร บจ.และเงินทุนไหลเข้า
- “ออมสิน” ออกมาตรการด่วน “พักหนี้ ลดจ่ายดอกเบี้ย 3-6 เดือน” ช่วยลูกค้าพื้นที่เสี่ยงโควิดระบาดหนัก 28 จังหวัด จำนวน 1.9 ล้านราย วงเงินสินเชื่อ 6.7 แสนล้าน เปิดลงทะเบียน 8 ม.ค. ด้านสอท.เสนอมาตรการช่วย “เอสเอ็มอี” จากโควิด-19 รอบใหม่ ปรับพ.ร.ก.ซอฟท์โลนเอื้อเข้าถึงเอสเอ็มอี ชงมาตรการเสนอให้แบงก์รับความเสี่ยงมากกว่า 5% ในการปล่อยกู้ซอฟท์โลน ไม่จำกัดยอดขอกู้ที่ 20% ของยอดหนี้คงค้าง พร้อมให้บสย.ค้ำประกันสินเชื่อเกิน 50% เป็นเวลา 7 ปี
หุ้นเด่นวันนี้
- LH (กสิกรไทย) “ซื้อ”เพิ่มเป้าเป็น 9.60 บาท (จาก 9.40 บาท) สะท้อนถึงการปรับประมาณการกำไร โดยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563/64/65 ขึ้น 8.3/2.8/3.8% เพื่อสะท้อนกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ในสหรัฐฯ และการตอบรับในกลุ่มแนวราบที่ดีขึ้น นอกจากำไรที่ดีในไตรมาส 4/2563 ก็คาดว่ากำไรปกติทั้งปี 2564 จะเติบโตแข็งแกร่ง 19% การขายสินทรัพย์จะเพิ่มความน่าตื่นเต้นให้กับประมาณการปัจจุบัน
- SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 17 บาท คาดกำไร Q4/63 ยังโตแข็งแกร่ง แม้รายได้จะชะลอตัวเพราะจำนวนวันขาย iPhone 12 น้อยกว่าปีก่อนถึง 40 วัน แต่ชดเชยได้จาก Margin ที่ดีขึ้นจาก Product Mix ที่เปลี่ยนและเน้นสินค้า High Margin มากขึ้น นอกจากนี้โมเมนตัมการเติบโตยังดีต่อเนื่องใน 1-2 ปีข้างหน้าจากการมาของ 5G รวมถึงการเจาะตลาด Enterprise และ Gaming ซึ่งมี Margin สูง โดยคาดกำไรปี 2563-2565 โตเฉลี่ย 17% CAGR และคาดได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 ระลอกใหม่จำกัด
- AP (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 8.2 บาท ซื้อดักเงินปันผล AP จ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง ทำให้ปันผลรอบนี้จะมากกว่าเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น เบื้องต้นคาด AP จะจ่ายปันผลสำหรับปี 63 ประมาณ 0.45 บาทให้ Dividend yield 5.9%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (8 ม.ค. 64)
Tags: AP, LH, SYNEX, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, ทิสโก้, หุ้นไทย, อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล