นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า ในปี 63 บริษัททำยอดโอนโครงการไปถึง 4.5 หมื่นล้านบาท เกินจากเป้าหมายใหม่ที่มีการปรับล่าสุดในช่วงปลายปีที่ 4.3 หมื่นล้านบาท หลังจากมีการปรับเป้ายอดโอนเพิ่มขึ้นถึง 4 รอบในรอบปีที่ผ่านมา เป็นการสร้างประวัติศาสต์การโอนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ทุบทุกสถิติในรอบ 36 ปี และเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 45%
บริษัทยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งในด้านการขายและโอนโครงการ สามารถสร้างผลงานปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยไปถึง 35 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6.46 หมื่นล้านบาท และยังมีผลงานการโอนที่โดดเด่นทั้งในแนวราบและแนวสูง สะท้อนการบริหารจัดการสต็อคที่อยู่อาศัยที่ดี
สำหรับยอดโอนในปี 63 ที่ทำได้ 4.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนโครงการคอนโดมิเนียมสูงถึง 2.55 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อนถึง 50% และยอดโอนโครงการแนวราบ 1.95 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 39% จากปีก่อน ผลงานมาจากการปิดการขายและโอนโครงการภายใต้พอร์ต Sansiri Luxury Collection ถึง 3 โครงการ คือ 98 Wireless แฟล็กชิพคอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่, บ้านแสนสิริ พัฒนาการ แฟล็กชิพบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่, เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ ลักซ์ชัวรี่คอนโดมิเนียมใจกลางย่านทองหล่อ และโครงการลักซ์ชัวรี่แนวราบ ได้แก่ ไทเกอร์ เลน ลักซ์ชัวรี่โฮมออฟฟิศบนที่สุดของทำเลทอง ไพร์มโลเคชั่นตำแหน่งฮวงจุ้ยท้องมังกรที่หายากใจกลางย่านเสือป่า เยาวราช รวมทั้งปิดการขายโครงการบ้านเดี่ยวนาราสิริ บางนา และ นาราสิริ พุทธมณฑล สาย 1 เป็นต้น
“ความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจในปีที่ผ่านมา มาจากความพร้อมด้วยแผนปรับเปลี่ยนรับมือสถานการณ์ตลาดตลอดเวลา นอกจากนี้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 แสนสิริยังมีการดำเนินธุรกิจพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ด้วยกลยุทธ์ “Speed to Market” เพื่อแข่งขันกับสภาพตลาด ขยับและเดินเกมส์เร็วนำหน้าคู่แข่งด้วยกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง นำเสนอโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า
อาทิ “มีเงินเดือนเริ่มต้น 18,000 บาทก็เป็นเจ้าของสิริ เพลส ได้ง่ายๆ” โปรโมชั่น “โปรลื่นปรื้ด” รวมทั้งแคมเปญที่พัฒนาจาก Customer Insight “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” และการรุกการขายในทุกช่องทาง ผ่าน Multi-channel เพื่อตอบโจทย์คนอยากมีบ้านในยุคโควิดในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้แสนสิริได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี รวมถึงการบริหารเงินสดในมือที่ดี (Cash is King) ด้วยการกำสภาพคล่องในมือถึง 15,000 ล้านบาท ส่งผลให้แสนสิริเป็นองค์กรที่มีสภาพคล่องสูง มีกระแสเงินสดที่มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ มีความมั่นคงด้านการเงินจากการบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มียอดขายและยอดโอนที่ดีสวนสภาวะตลาด” นายอุทัย กล่าว
ในส่วนของมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) รวมโครงการร่วมทุนในคอนโดมิเนียมที่บริษัทมีอยู่ทั้งหมด มูลค่ารวมกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การพัฒนาของ SIRI 1.98 หมื่นล้านบาท และยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การร่วมทุนอีก 4.2 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 66 ช่วยสร้างความมั่นใจให้บริษัทเป็นอย่างดีและเสริมความแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ม.ค. 64)
Tags: SIRI, ที่อยู่อาศัย, หุ้นอสังหา, หุ้นไทย, อสังหาริมทรัพย์, อุทัย อุทัยแสงสุข, แสนสิริ