ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (6 ม.ค.) ยืนยันว่า NYSE จะปลดหลักทรัพย์ของ 3 บริษัทสื่อสารรายใหญ่ของจีนออกจากตลาด หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ NYSE ที่ได้ตัดสินใจอนุมัติให้หลักทรัพย์ของบริษัททั้ง 3 ยังคงสามารถซื้อขายในตลาดต่อไป
ทั้งนี้ ท่าทีของ NYSE ได้สร้างความสับสนให้กับนักลงทุนในตลาด โดยเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา NYSE ได้ประกาศว่าจะถอดหลักทรัพย์ของบริษัทไชน่าเทเลคอม, ไชน่าโมบายล์ และไชน่ายูนิคอม ตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ต่อมาในวันที่ 4 ม.ค. NYSE ได้เปลี่ยนใจยกเลิกแผนการถอดหลักทรัพย์ของทั้ง 3 บริษัท หลังจากที่ได้มีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างชาติ
ทางด้านนายมนูชินได้เรียกตัวนายสเตซีย์ คันนิงแฮม ประธานบริษัท NYSE Group เข้าพบ เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ NYSE ได้ตัดสินใจอนุญาตให้หลักทรัพย์ของบริษัทสื่อสารของจีนทั้ง 3 แห่งสามารถซื้อขายในตลาดต่อไป
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในกฎหมาย The Holding Foreign Companies Accountable Act ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่พุ่งเป้าถอดหลักทรัพย์ของบริษัทต่างๆ ออกจากตลาดสหรัฐ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการตรวจสอบบัญชี Public Accounting Oversight Board (PCAOB) ของสหรัฐภายในระยะเวลา 3 ปี
ทั้งนี้ แม้กฎหมายดังกล่าวมีการบังคับใช้กับบริษัทต่างชาติทั้งหมดที่จดทะเบียนในสหรัฐ แต่ก็ถูกมองว่าเป็นการพุ่งเป้าไปยังบริษัทของจีนโดยเฉพาะ ซึ่งนับเป็นความพยายามอีกครั้งของปธน.ทรัมป์ที่จะเพิ่มความตึงเครียดกับจีน ก่อนที่เขาจะอำลาตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ม.ค. 64)
Tags: NYSE, จีน, ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก, ถอดหลักทรัพย์, สตีเวน มนูชิน, โดนัลด์ ทรัมป์, ไชน่ายูนิคอม, ไชน่าเทเลคอม, ไชน่าโมบายล์