บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐที่มีมูลค่าสูงสุด 7 แห่งซึ่งได้แก่ แอปเปิล, ไมโครซอฟท์, แอมะซอน, อัลฟาเบท, เฟซบุ๊ก, เทสลา และอินวิเดีย มีมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) พุ่งขึ้นรวมกัน 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2563 โดยบริษัทดังกล่าวยังคงสามารถโชว์ความแข็งแกร่งได้ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในวงกว้าง
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า แอปเปิลมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยพุ่งขึ้นเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคาหุ้นพุ่งขึ้น 81% ขานรับความเชื่อมั่นเกี่ยวกับยอดขาย iPhone, แอมะซอนมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น 7.10 แสนล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของลูกค้าอี-คอมเมิร์ซและธุรกิจคลาวด์-คอมพิวติ้ง, เทสลามีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น 5.93 แสนล้านดอลลาร์โดยได้แรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่สูงเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 3/2563, ไมโครซอฟท์มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น 4.80 แสนล้านดอลลาร์โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ Teams, อัลฟาเบทมีมูลค่าตลาดเพิ่ม 2.68 แสนล้านดอลลาร์ และเฟซบุ๊กมีมูลค่าตลาดเพิ่ม 1.93 แสนล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากการผูกขาดธุรกิจโฆษณาออนไลน์
ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการสอบสวนเกี่ยวกับการผูกขาดตลาดแต่อย่างใด
มูลค่าตลาดของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวสอดคล้องกับการจัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยนายเจฟฟ์ เบซอส ซีอีโอของแอมะซอนได้รับการจัดอันดับเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก รองลงมาได้แก่นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทเทสลา และนายบิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ขณะที่นายมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก รวยที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (2 ม.ค. 64)
Tags: มาร์เก็ตแคป, มูลค่าตลาด, อัลฟาเบท, อินวิเดีย, เทสลา, เฟซบุ๊ก, แอปเปิล, แอมะซอน, ไมโครซอฟท์