แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งตัวคล้ายภูมิภาค หลังไร้ปัจจัยใหม่-ใกล้หยุดยาวช่วงปีใหม่

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวคล้ายตลาดภูมิภาคที่เช้านี้แกว่งแคบราว 0.1-0.4% ส่วนใหญ่ปรับฐานไม่มาก จากแรงขายที่ออกมาบ้าง และตลาดฯ ไร้ปัจจัยใหม่ช่วงนี้ หลังจะหยุดยาวช่วงปีใหม่ อีกทั้งหลังปีใหม่ไปแล้วต้องจับตาการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ว่าจะมีผู้ติดเชื้อมาก/น้อยแค่ไหน พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,630-1,650 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASP) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวคล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้แกว่งแคบราว 0.1-0.4% ซึ่งส่วนใหญ่ก็ปรับฐานไม่มาก จากแรงขายที่ออกมาบ้าง ดังนั้นอิทธิพลต่อตลาดบ้านเราจึงไม่แรง

นอกจากนี้ ตลาดฯก็ไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาในช่วงนี้ด้วย หลังจากที่ใกล้จะถึงวันหยุดระยะยาวช่วงเทศกาลปีใหม่แล้ว อีกทั้งหลังปีใหม่ไปแล้วยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ะบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดมาก/น้อยแค่ไหน

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,630-1,650 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,398.21 จุด เพิ่มขึ้น 95.83 จุด(+0.26%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,786.35 จุด ลดลง 4.84 จุด (-0.10%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,781.72 จุดลดลง 89.54 จุด (-0.56%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 73.43 จุด หรือ -0.25%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 26.58 จุด หรือ -0.11% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.81 จุด หรือ +0.02%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ธ.ค.) 1,641.52 จุด เพิ่มขึ้น 5.02 จุด (+0.31%)

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,515.40 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ธ.ค.) ปิดที่ระดับ 75.98 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.5%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ธ.ค.) อยู่ที่ 7.04 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.54 ทรงตัวจากวานนี้-ธุรกรรมเบาบางช่วงใกล้หยุดยาว ตลาดรอปัจจัยใหม่

– ซีบีอาร์อี ระบุปี 64 คอนโดฯ กลางเมืองชะลอเปิดอื้อ สวนทางดีมานด์บ้านเดี่ยว ขณะที่ตลาดโรงแรม สำนักงานเช่ากระทบหนัก ผู้ประกอบการปรับตัวฝ่าวิกฤตต่อเนื่อง ไนท์แฟรงค์ฯ ชี้โควิด-19 กระทบการทำธุรกิจอสังหาฯ ชะงักช่วงสั้นๆ ชี้ Work from home ทำผู้เช่าลดค่าใช้จ่าย ปรับลดขนาดพื้นที่เช่าถาวรส่งผลดีมานด์สำนักงานเช่าหดตัว ด้านการลงทุนที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ และปริมณฑล 9 เดือนแรกลดลงมากกว่า 50% ทั้งโครงการแนวราบและอาคารชุด

– ครม.รับทราบรถไฟไทย-จีน เร่งงานโยธาระยะแรกกรุงเทพ-โคราชอีก 3 สัญญา ด้าน “ศักดิ์สยาม” เสนอ “นายกฯ” ตั้งคณะทำงานร่วม 5 กระทรวง บูรณาการข้อมูลปริมาณสินค้าและผู้โดยสาร เตรียมจัดเดินรถไฟ เชื่อมหนองคาย-เวียงจันทน์ ขณะที่เร่งเคลียร์งานโยธาระยะแรกอีก 3 สัญญาตั้งเป้าเสร็จปี 69

– นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอย่างต่อเนื่องว่า ได้ส่งผลกระทบให้ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมหลายรายขอขยายการทำงานที่บ้าน หรือเวิร์ก ฟรอม โฮม ออกไปก่อน จากเดิมจะปลดล็อกให้พนักงาน กลับมาทำงานที่ออฟฟิศตามปกติหลังวันที่ 4 ม.ค.65 ต้องชะลอแผนออกไป รวมทั้งทบทวนแผนการตลาด และการลงทุนอีกครั้งเนื่องจากขอรอประเมินสถานการณ์โอมิครอนที่ยังแพร่ระบาดก่อนว่า จะยาวนานและกระทบภาคธุรกิจมากน้อยเท่าไร คาดว่า หลังเทศกาลปีใหม่ไปแล้ว จะเห็นภาพการแพร่ระบาดโอมิครอนชัดเจนขึ้น

– นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 11 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-พ.ย.) ว่า ลดลง 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ลดลง 39.9% กลุ่มเบนซินลดลง 9.3% กลุ่มดีเซลลดลง 5% น้ำมันก๊าดลดลง6.2% อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 14.7% LPG เพิ่มขึ้น 7.7% สำหรับการใช้ NGV ลดลง 19.6%

– ครม.รับทราบรายงานการทบทวนสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐพ.ศ.2561 โดยเพิ่มสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จากกรอบเดิมไม่เกินร้อยละ 60 เป็น ไม่เกินร้อยละ 70

หุ้นเด่นวันนี้

– KBANK (กรุงศรี)”ซื้อ”เป้า 166 บาท เทรนด์ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นตามเงินเฟ้อ สินเชื่อเติบโตดีสุดของกลุ่ม สถานการณ์โควิด-19 เริ่มผ่อนคลายเป็นบวกต่อกลุ่มธุรกิจ SME และเป็นบวกต่อ KBANK เพราะมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจ SME มากที่สุดของกลุ่ม

– TVO (ฟินันเซีย ไซรัส) “เก็งกำไร”เป้า 32 บาท ราคาถั่วเหลืองเริ่มขยับขึ้น ล่าสุด US$13.4 ต่อบุชเชล +4.1% W-W ปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน จากภาวะ La Nina ทำให้เกิดสภาพอากาศแห้งแล้งในอเมริกาใต้ จะเป็นบวกต่อกำไร Q1/65 ทั้งนี้มองผ่านกำลังจะผ่านกำไรแย่สุดใน Q4/64 และคาดปันผลงวด H2/64 หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น Yield ครึ่งปีที่ 3.3% ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดบน PE 11 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 13-14 เท่า

– TOP (ดีบีเอส วิคเคอร์ส) “ซื้อเก็งกำไร”เป้า 67 บาท ราคาน้ำมันดิบ Q4/64-QTD ปรับขึ้นมาสูงกว่าระดับปิดสิ้นก.ย.21 ราว 1-2 ดอลลาร์ ทำให้มีกำไรสต็อก (ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า) และค่าการกลั่นใน Q4/64 แข็งแกร่ง ส่วนแนวต้านระยะสั้น 50-52, 55 บาท แนวรับ 46-45 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ธ.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top