หุ้นไทยปิดบวก 6.11 จุด ฟื้นต่อตามภูมิภาคหลังตอบรับโอมิครอนไปมากแล้ว-มาตรการรัฐหนุน

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,628.36 จุด เพิ่มขึ้น 6.11 จุด (+0.38%) มูลค่าการซื้อขายราว 35,717 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ฟื้นตัวต่อตามตลาดภูมิภาค หลังรับรู้สถานการณ์ไวรัสโอมิครอนไปมากแล้ว ขณะที่หลายกลุ่มธุรกิจในาตลาดหุ้นไทยทั้งกลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่มแบงก์ และกลุ่มค้าปลีก จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของภาครัฐ มองช่วง 1-2 สัปดาห์ถึงสิ้นปีตลาดน่าจะยังแกว่งบวกหากไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามาเพิ่ม ยกเว้นโอมิครอนระบาดหนักมาก ให้กรอบดัชนี 1,608-1,650 จุด ส่วนตลาดฯ ช่วงบ่ายคาดยังแกว่งบวกได้ต่อเนื่อง และคาด กนง.บ่ายนี้คงดอกเบี้ย พร้อมให้แนวรับ 1,20-1,625 จุด แนวต้าน 1,630-1,635 จุด

  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,628.36 จุด เพิ่มขึ้น 6.11 จุด (+0.38%) มูลค่าการซื้อขายราว 35,717 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยทำระดับสูงสุด 1,632.33 จุด และระดับต่ำสุด 1,626.10 จุด

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ฟื้นตัวต่อเนื่องตามตลาดภูมิภาค โดยรับรู้สถานการณ์ไวรัสโอมิครอนไปพอสมควรแล้ว จึงมองว่าในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้น่าจะเห็นตลาดแกว่งตัวช่วงบวก บรรยากาศการลงงทุนน่าจะไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามาเพิ่มอีก ยกเว้นโอมิครอนจะระบาดหนักมาก โดยให้กรอบการแกว่งตัวของดัชนี 1,608-1,650 จุด

ส่วนภาพรวมบรรยากาศการลงทุนหุ้นไทยเช้านี้กระจายไปหลายหลุ่ม นักลงทุนอาจมีมุมมองระมัดระวังหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ถึงแม้ตลาดวันนี้จะบวกขึ้นมาได้ ซึ่งประเมินว่าอาจเห็นโควิดระบาดมากขึ้นหลังช่วงปีใหม่ ส่วนกลุ่มที่ฟื้นตัววันนี้ ได้แก่ หุ้นกลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่มแบงก์ และกลุ่มค้าปลีก ได้รับประโยชน์จากแพ็คแกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของภาครัฐ ทำให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามา

ในช่วงบ่ายคาดว่าแกว่งตัวลักษณะคล้ายช่วงเช้า และบ่ายนี้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)โดยคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย พร้อมให้แนวรับที่ 1,20-1,625 จุด แนวต้านที่ 1,630-1,635 จุด

ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ออกมาเมื่อวานนี้ช่วยจำกัด Downside ของตลาดได้และระยะเวลาสอดคล้องกัน ได้แก่ โครงการช้อปดีมีคืน เริ่ม ม.ค.-ก.พ.65 โครงการคนละครึ่งเฟส 4 เริ่ม มี.ค.-เม.ย. ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวก็มีโอกาสจะเกิดการระบาดโควิดอีกรอบ ถือได้ว่ามาตรการของรัฐออกมาค่อนข้างดี

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

GPSC มูลค่าการซื้อขาย 1,517.12 ล้านบาท ปิดที่ 82.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

BRI มูลค่าการซื้อขาย 1,089.95 ล้านบาท ปิดที่ 12.10 บาท ลดลง 0.30 บาท

EA มูลค่าการซื้อขาย 1,076.61 ล้านบาท ปิดที่ 92.25 บาท ลดลง 0.75 บาท

III มูลค่าการซื้อขาย 1,013.75 ล้านบาท ปิดที่ 14.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท

TKS มูลค่าการซื้อขาย 892.94 ล้านบาท ปิดที่ 16.90 บาท เพิ่มขึ้น 2.60 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ธ.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top