IPOInsight: BRI เรือธงกลุ่ม ORI ผันสู่ Growth Stock ตัวต่อไป

เปิดเส้นทางสู่ความสำเร็จของ บมจ.บริทาเนีย (BRI) ในฐานะบริษัทเครือรายแรกของ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) ที่ก้าวขึ้นเป็น Flagship Company รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบอย่างเต็มรูปแบบ เรื่มกระบวนการ Spin-Off เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันแรก 21 ธ.ค.นี้ หลังจากเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 252.65 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10.50 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น

*ชูกลยุทธ์ Blue Ocean สู่ความสำเร็จอสังหาฯแนวราบ

นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BRI เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า แม้ว่าบริษัทจะเริ่มก่อตั้งมาเพียง 4-5 ปี แต่หากพิจาณาถึงผลประกอบการช่วงที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตโดดเด่น จากการสนับสนุนของกลุ่ม ORI ที่แตกไลน์เข้าไปขยายตลาดอสังหาฯแนวราบ โดยกลยุทธ์สำคัญช่วยสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด คือ การขยายตลาดบนทำเลที่เป็นน่านน้ำสีน้ำเงิน (Blue Ocean) เป็นพื้นที่แข่งขันไม่รุนแรง โดยเฉพาะในโซนภาคตะวันออก เน้นทำเลโครงการใกล้แหล่งงานและชุมชน

แม้ว่าช่วงปี 63 จะเริ่มต้นสถานการณ์แพร่ระของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ก็มีหลายอุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับผลกระทบและยังสามารถเติบโตได้ดี ทำให้ส่งผลบวกต่อยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทที่อยู่ในโซนดังกล่าว

“การเลือกทำเลที่มีแนวโน้มมูลค่าสูงในอนาคตก็นับเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของบริษัทเช่นกัน ต้องตั้งอยู่ใกล้ถนนสายหลัก และ/หรือทางด่วน เดินทางสะดวก เป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเติบโตของประชากรสูง และแวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Unique Design)”

*4 แบรนด์ครอบคลุมทุกเซกเมนต์

ปัจจุบัน BRI พัฒนาโครงการภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ตลาดล่าง-บน ประกอบด้วย

  1. แบรนด์ “ไบรตัน” เป็นโครงการบ้านแฝดและทาวน์โฮม ในพื้นที่ปริมณฑลและต่างจังหวัด จับกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน (First Jobber)
  2. แบรนด์ “บริทาเนีย” เป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม จับกลุ่มลูกค้าที่เริ่มต้นสร้างครอบครัว พนักงานบริษัทและเจ้าของกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก
  3. แบรนด์ “แกรนด์ บริทาเนีย” เป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับพรีเมียม จับกลุ่มลูกค้าที่เป็นพนักงานระดับผู้บริหาร เจ้าของกิจการขนาดกลางและขนาดใหญ่
  4. แบรนด์ “เบลกราเวีย” เป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ เน้นฟังก์ชันอยู่อาศัยแบบสมัยใหม่ จับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริหารระดับสูง เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่และคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จเร็ว

ณ วันที่ 30 ก.ย.64 BRI สามารถปิดการขายแล้ว 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมราว 2,028 ล้านบาท, โครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโอนกรรมสิทธิ์ 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 17,550 ล้านบาท, โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 6 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,300 ล้านบาท บริษัทยังมีโครงการในอนาคต 9 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 10,800 ล้านบาท ทำให้จำนวนโครงการทั้งหมดรวม 30 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 34,678 ล้านบาท

*วางเป้าผันสู่ “Growth Stock” ตัวต่อไป

ภาพรวมผลงานตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมีการเติบโตก้าวกระโดด สะท้อนจากผลประกอบการ 3 ปีย้อนหลัง (61-63) เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 515.47 ล้านบาท 1,561.01 ล้านบาท และ 2,342.09 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 113.16% ขณะที่กำไรสุทธิ 71.65 ล้านบาท 207.14 ล้านบาท และ 348.72 ล้านบาท ตามลำดับ

และในปี 64 ผลประกอบการไตรมาส 3 สามารถทำสถิติสูงสุดทั้งในด้านรายได้รวมและกำไรสุทธิ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 164.59 ล้านบาท และรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 1,045.98 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนแรกปี 64 สามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องมีรายได้รวม 2,808.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 452.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเปิดโครงการใหม่และโครงการในปัจจุบันได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึงการบริหารจัดการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นประเมินแนวโน้มรายได้ปี 64 คาดว่าจะเติบโตมากกว่าปี 63 แต่ในปี 65 เชื่อว่าภาพของรายได้น่าจะเห็นการเติบโตในอัตราเร่งตามการรับรู้รายได้จากมูลค่าโครงการใหม่ที่ทยอยเปิดต่อเนื่อง

“เราเชื่อมั่นว่าผลงานที่ผ่านมาก็เป็นการพิสูจน์ถึงโอกาสเติบโตในอนาคต เราก็หวังว่าจะเป็นหุ้นที่มีคุณสมบัติเข้าข่าย Growth Stock สร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุน เพราะโมเดลธุรกิจที่ดีตัวเลขทางการเงินของบริษัทได้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งหลายๆด้าน เช่น ค่าใช้จ่ายในการขายทั่วไปและบริหาร (SG&A) ค่อนข้างต่ำ เพราะมียอดขายจากโครงการเปิดใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนต่างๆลดลงเป็นไปลักษณะการประหยัดต่อขนาด หรือ Economies of Scale ส่งผลบวกกับอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”

*เข้าตลาดหุ้นยกระดับองค์กร เปิดแผนปี 65 โครงการใหม่กว่า 1 หมื่นลบ.

สำหรับแผนการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทนำเงินไปใช้สนับสนุนความแข็งแกร่งด้านกระแสเงินสดและสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจ เช่น นำไปขยายโครงการใหม่ เบื้องต้นวางแผนปี 65 ทยอยเปิดโครงการใหม่จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท และอีกส่วนหนึ่งนำไปใช้คืนเงินกู้ลดต้นทุนดอกเบี้ยกับสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินหมุนเวียนพัฒนาภายในองค์กร เป็นต้น

ทั้งนี้ ตามแผนช่วง 5 ปีข้างหน้าวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง เช่น สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง พระนครศรีอยุธยา ตลอดจนมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพ เน้นทำเลใกล้แหล่งนิคมอุตสาหกรรมและจังหวัดที่ได้รับประโยชน์จากโครงการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (ECC)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ธ.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top