นายกฯ ลงพื้นที่ยะลา เร่งยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาเหลื่อมล้ำ หนี้ครัวเรือน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามแผนงานโครงการด้านความมั่นคง การพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ และพบปะประชาชน ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดยะลา โดยมีประชาชนมารอต้อนรับ พร้อมชูป้ายให้กำลังใจ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พื้นที่แห่งนี้ค่อนข้างมีความอ่อนไหว ทั้งด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และเรื่องต่างๆ ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ ตราบใดที่ยังเป็นรัฐบาลอยู่ จะทำหน้าที่ในการแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรม เพราะถือว่าทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นครอบครัวประเทศไทย อยู่ภาคไหน ศาสนาใด ก็อยู่ร่วมกันได้ด้วยพหุวัฒนธรรม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความเป็นห่วงชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนในพื้นที่ และขอให้ข้าราชการทุกหน่วยงานไปดูตัวชี้วัดของประชาชนที่จะมีรายละเอียดต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนาให้ถูกจุด พร้อมเน้นย้ำรัฐบาลจะเร่งยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ไขปัญหาความยากจน หนี้ครัวเรือน หนี้นอกระบบ รวมถึงการลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ อีกทั้งทุกอย่างจะต้องดูเรื่องของข้อกฎหมายด้วย และที่สำคัญ สิ่งที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนได้นั้น ประชาชนต้องมีส่วนร่วม โดยมีรัฐเป็นผู้สนับสนุนและอยากให้ประชาชนช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากสิ่งที่ทำอยู่ในชีวิตประจำวัน และรอแค่ผลผลิตตามฤดูกาลเพียงอย่างเดียว

อย่างไรก็ดี วันนี้แม้สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ลดลง แต่ก็ยังคงมีอยู่ ดังนั้นทุกคนต้องร่วมมือกันและช่วยกันระมัดระวัง เพราะสังคมจะช่วยได้มากในประเด็นเรื่องของความมั่นคง ซึ่งบางครั้งเจ้าหน้าที่อาจดูแลได้ไม่ทั่วถึง

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่าการจะดำเนินการต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาล จะต้องผ่านความเห็นชอบของประชาชน เช่น การดำเนินการโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ที่จะต้องมีการจัดทำผลการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ หรือ SEA ให้แล้วเสร็จก่อน

“วันนี้ผมมีความสุขจริงๆ เพราะโอกาสที่จะเดินทางมาภาคใต้ ไม่ค่อยเยอะ แต่ถึงไม่มา ก็ติดตามให้มากที่สุด ผ่านกลไกที่มีอยู่และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนไปด้วย มีอะไรก็บอกกัน ส่งข่าวถึงนายกฯ ได้ อะไรที่ไม่ชอบมาพากล เขียนจดหมายถึงก็ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้ถอนหายใจ พร้อมกับระบุว่าเหนื่อยหลายเรื่อง ประเทศไทยมีคน 70 ล้านคน มี 70 ล้านความคิด ตนเองมีหน้าที่ทำให้ 70 ล้านคนร่วมมือกันไปได้ แต่วันนี้รัฐบาลทำไว้เยอะแล้ว ทั้งเรื่องการปูพื้นฐาน การคมนาคม การสื่อสาร 5G ที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า นี่คืออนาคตของลูกหลานในวันข้างหน้า และรัฐบาลไม่เคยหยุดคิด ไม่เคยหยุดทำ

“หากทำมาแล้วก่อนหน้าเยอะ ผมคงไม่ต้องทำขนาดนี้ ผมไม่โทษใคร โทษใครไม่ได้ ต้องเคารพในเสียงของประชาชน และขอให้ทุกคนมีความฝันร่วมกันได้หรือไม่ ฝันในสิ่งที่ดี หากเจอหน้าแล้วทะเลาะกัน คงไม่น่ารัก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ชื่นชมศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบค.ส่วนหน้า) ในการแก้ไขปัญหาโควิด ซึ่งต้องอาศัยการฉีดวัคซีนป้องกัน ขอให้ทุกคนฉีดวัคซีนให้ครบ 2 เข็ม อย่าไปกลัว ไม่ว่าจะเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน หรือสายพันธุ์ไหน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันแล้วว่าหากทุกคนฉีดวัคซีน ก็จะลดความเสี่ยงความรุนแรงถึงเสียชีวิต

จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ได้เดินทางต่อไปยังปัตตานี โดยลงพื้นที่ศูนย์การเรียนรู้ การเพาะเลี้ยงปูทะเล บ้านโต๊ะโสม ตำบลบางปู อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี โดยเยี่ยมชมบูธจัดแสดงนิทรรศการปูดำ พร้อมสอบถามพูดคุยกับผู้เลี้ยงถึงกระบวนการเลี้ยงและเพาะพันธุ์ เยี่ยมชมการทำคอนโดปู และปล่อยปูลงสู่ศูนย์เรียนรู้ มอบพันธุ์ลูกปู และพันธุ์ไม้โกงกางแก่สมาชิก พร้อมกับขอให้ทุกคนร่วมมือกันพัฒนาโครงการเป็นรายพื้นที่ และรัฐบาลจะให้การสนับสนุนโดยตรง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาด้านความยากจนในระดับครัวเรือน ซึ่งการจัดทำแผนงานโครงการต่างๆต้องอาศัยความคิดเห็นจากประชาชนเป็นหลัก หากไม่ร่วมมือกัน ก็จะไปไม่ได้ ต้องทำประชาพิจารณ์

อย่างไรก็ดี รู้สึกพอใจที่หลายกระทรวงทำให้พื้นที่ภาคใต้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ไม่เป็นที่น่าพอใจในใจของนายกรัฐมนตรีเอง เพราะมองว่าต้องดีกว่านี้ ซึ่งว่างเว้นการพัฒนามานานมาก วันนี้ต้องกลับมาหารือคิดกันใหม่ว่าจะทำอะไรที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ขณะเดียวกันได้ขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วย อย่าไปฟังข้อมูลที่แชร์และบิดเบือน และอย่าให้ใครมาทำให้เกิดความแตกแยกในพื้นที่โดยเด็ดขาด

นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ประชาชนร่วมกันฉีดวัคซีนป้องกันโควิด เนื่องจากจะช่วยป้องกันการเสียชีวิต และลดการเกิดอาการรุนแรงได้ เพื่อที่จะเปิดประเทศให้คนมาท่องเที่ยวได้มากขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top