นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการจ่ายเงินส่วนต่างประกันรายได้ข้าวและยางพาราโดยเริ่มในวันที่ 9 ธ.ค.64 นี้ ว่า สำหรับเงินส่วนต่างของนโยบายประกันรายได้ข้าว จ่ายก่อนหน้านี้แล้ว 3 งวด เป็นเงินประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยงวดที่ 1 งวดที่ 2 เต็มงวด และงวดที่ 3 จ่ายไปครึ่งงวด
สำหรับงวดที่จะจ่ายจากนี้ไปจะเป็นงวดที่ 3 ส่วนที่เหลือและงวดที่ 4-7 รวม 5 งวดเป็นเงินประมาณ 64,000 ล้านบาท จะจ่ายวันที่ 9-13 ธ.ค. 64 ส่วนงวดที่เหลือ คือ งวดที่ 8 เป็นเงินประมาณ 3,720 ล้านบาท และสุดท้ายงวดที่ 9-33 ซึ่งข้าวจะออกน้อย จะจ่ายรวมทั้งหมดที่เหลือประมาณ 3,200 ล้านบาท รวมทั้งหมดเป็นเงินประมาณ 87,000 ล้านบาท
ในส่วนของยางพารา หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจะมีการโอนเงินส่วนต่างยางพาราวันพรุ่งนี้พร้อมกับข้าว ซึ่งเป็นเงิน 2 งวดประมาณ 1,400 ล้านบาท และช่วงหลังยางราคาดี โดยน้ำยางกิโลกรัมละ 60 บาทแล้ว จากที่ประกันรายได้ไว้ที่กิโลกรัมละ 57 บาท ส่วนยางก้อนถ้วยราคาดีมากเป็นปี ตอนนี้เกินรายได้ที่ประกันที่จ่ายเป็นหลักใหญ่ คือ ยางแผ่น
“ประกันรายได้ช่วงนี้จ่ายข้าวเป็นหลัก เพราะทั้งยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน ราคาสูงกว่ารายได้ที่ประกันเกือบทุกตัว มีข้าวเท่านั้นที่ราคาอ่อนลงมาในช่วงที่ผ่านมาเพราะน้ำท่วม และข้าวเปียก ขณะเดียวกันส่งออกได้น้อยในช่วงต้นปีแรก แต่ครึ่งปีหลังส่งออกได้เยอะมาก เดือนละ 700,000-800,000 ตัน จากก่อนหน้านี้เดือนละ 300,000-500,000 ตัน ส่วนราคาข้าวกระเตื้องขึ้นมา ราคาข้าวแห้งมาตรฐานแตะ 8,000-8,100 บาทต่อตัน”
ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายชัดเจนว่า หากได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะกลับมาใช้โครงการจำนำข้าว เพราะมองว่า การประกันรายได้ใช้งบประมาณที่มาก และไม่สามารถแทรกแซงกลไกลตลาดได้ ประกอบกับทำให้ราคาข้าวไม่สูงขึ้นนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับโครงการประกันรายได้ช่วงนี้จะช่วยเรื่องราคาข้าวเป็นหลัง เพราะพืชชนิดอื่น ทั้งยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์ม ข้าวโพด ราคาสูงกว่ารายได้ประกันเกือบจะทุกตัว มีเพียงข้าวที่ราคาต่ำลงมา เนื่องจากเกิดปัญหาน้ำท่วม และส่งออกได้น้อยในช่วงต้นปีแรก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ธ.ค. 64)
Tags: กระทรวงพาณิชย์, ข้าว, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, ประกันรายได้ข้าว, ยางพารา