นายสเตฟาน บันเซล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ในวันนี้ว่า เขาคาดว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน พร้อมกับเตือนว่า บรรดาบริษัทเวชภัณฑ์อาจต้องใช้เวลานานหลายเดือนจึงจะสามารถผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนได้อย่างเพียงพอ
นายบันเซลกล่าวว่า การที่ไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนมีการกลายพันธุ์ที่สูงมากในส่วนของโปรตีนหนาม หรือสไปค์โปรตีน (Spike Protein) และการที่ไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในแอฟริกาใต้ ทำให้จำเป็นต้องมีการปรับสูตรวัคซีนในปีหน้า
“ผมคิดว่าประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนนั้นจะไม่เท่ากับสายพันธุ์เดลตา ผมคิดว่าประสิทธิภาพจะลดลง ผมไม่รู้ว่าจะลดลงมากเพียงใด เพราะเราต้องรอข้อมูล แต่นักวิทยาศาสตร์ทุกคนที่ผมได้พูดคุยด้วยนั้นต่างก็ประเมินว่า ประสิทธิภาพจะไม่ดีนัก” นายบันเซลกล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์
การแสดงความเห็นล่าสุดของซีอีโอโมเดอร์นาส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ทรุดตัวลงกว่า 600 จุดในช่วงบ่ายวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน แม้ว่าดร.แองเจลีค โคทซี ประธานสมาคมการแพทย์แห่งแอฟริกาใต้ และเป็นคนแรกที่ส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ได้เปิดเผยว่า นับจนถึงขณะนี้พบว่าผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโอไมครอนนั้นมีอาการป่วยไม่รุนแรง
ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความกังวลว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้และการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน จะส่งผลให้การจ้างงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง และเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับสถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ย. 64)
Tags: lifestyle, Moderna, สเตฟาน บันเซล, โควิดสายพันธุ์โอไมครอน, โควิดสายพันธุ์ใหม่, โมเดอร์นา, โมเดอร์นา อิงค์, โอไมครอน