หุ้นไทยปิดเช้าบวก 3.01 จุด รีบาวด์หลังร่วงรับโอไมครอน-เล็งเฟดไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,592.70 จุด เพิ่มขึ้น 3.01 จุด (+0.19%) มูลค่าการซื้อขายราว 68,750 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนในแดนบวกหลังร่วง 2 วันเกือบ 60 จุดจึงรีบาวด์มาได้บ้าง เช่นเดียวกับตลาดภูมิภาคฟื้นตัวหลังตอบรับเชิงลบต่อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนไประดับหนึ่งแล้ว ขณะที่คาดเฟดยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยหลังมีโควิดสายพันธุ์ใหม่ รวมถึง PMI ภาคการผลิตของจีนเดือนพ.ย.ดีกว่าคาด บ่ายนี้ตลาดฯคงพักตัวในแดนบวก ให้แนวรับ 1,595 แนวต้าน 1,605-1,610 จุด

  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,592.70 จุด เพิ่มขึ้น 3.01 จุด (+0.19%) มูลค่าการซื้อขายราว 68,750 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยทำระดับสูงสุด 1,612.10 จุด และระดับต่ำสุด 1,589.33 จุด

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนในทางบวกหลังปรับตัวลง 2 วัน เกือบ 60 จุด ทำให้รีบาวด์ขึ้นได้บ้าง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ฟื้นตัว หลังตอบรับไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนไปแล้วระดับหนึ่ง ซึ่งยังต้องให้เวลาหาข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับไวรัสตัวนี้ แม้ขณะนี้จะมีผู้ที่ออกมาระบุว่าไม่รุนแรงมากนัก

นอกจากนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะไม่เร่งรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากที่พบไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน อย่างไรก็ดี ต้องติดตามถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดคืนนี้ ซึ่งจะต้องจับตาท่าทีต่อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน อย่างไรก็ตาม ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือน พ.ย.ก็ออกมาดีกว่าตลาดคาด

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดฯคงจะพักในแดนบวก โดยมีแนวรับ 1,595 จุด ส่วนแนวต้าน 1,605-1,610 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 9,660.91 ล้านบาท ปิดที่ 132.00 บาท ลดลง 4.50 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 3,131.28 ล้านบาท ปิดที่ 60.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

SCC มูลค่าการซื้อขาย 3,075.78 ล้านบาท ปิดที่ 375.00 บาท ลดลง 6.00 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,730.60 ล้านบาท ปิดที่ 114.00 บาท ลดลง 3.00 บาท

EA มูลค่าการซื้อขาย 2,234.43 ล้านบาท ปิดที่ 82.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ย. 64)

Tags: , ,
Back to Top