สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเฉพาะผู้ที่มีหนี้สินทั่วประเทศต่อกรณี “ภาวะหนี้สินของคนไทย” จำนวนทั้งสิ้น 1,059 คน ระหว่างวันที่ 22-25 พ.ย. 2564 พบว่า ส่วนใหญ่ประชาชนมีหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลมากที่สุด ร้อยละ 46.52 รองลงมาคือ สินเชื่อที่อยู่อาศัย ร้อยละ 39.85
โดยมีหนี้สินเฉลี่ยครัวเรือนละประมาณ 1,248,847.03 บาท โดยคาดว่าใช้หนี้ได้ทั้งหมด ร้อยละ 71.11 รู้สึกเครียดและวิตกกังวลเกี่ยวกับหนี้สินปานกลาง ร้อยละ 38.15 ด้านพฤติกรรมของประชาชนหลังจากการมีภาระหนี้สิน จะวางแผนการใช้จ่ายให้รัดกุมมากขึ้น ร้อยละ 60.23
ทั้งนี้ การแก้ปัญหาหนี้สินต้องแก้ด้วยตนเอง มีวินัย วางแผนการใช้จ่าย อดออม ร้อยละ 80.88 รองลงมาคือ รัฐปรับโครงสร้างหนี้ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 61.85 และมองว่า “ตนเอง” ที่จะช่วยแก้ปัญหาหนี้ได้ ร้อยละ 89.23 รองลงมาคือ ครอบครัว คนใกล้ชิด ร้อยละ 46.33
ผลการสำรวจ พบว่า กลุ่มที่มีหนี้บัตรเครดิตมากที่สุด คือ พนักงานเอกชน และราชการ ส่วนกลุ่มลูกจ้าง/รับจ้างส่วนใหญ่มีหนี้น้อยกว่า 5 แสนบาท กลุ่มราชการมีหนี้ประมาณ 1 ล้านบาทขึ้นไป โดยกลุ่มลูกจ้าง/รับจ้างมีความเครียดเกี่ยวกับหนี้สินมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ อาจเป็นเพราะความไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ตัวเลขคนตกงานพุ่งสูงขึ้นถึง 8.7 แสนคน ปัญหาหนี้สินจึงเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตของประชาชน และก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมา ภาครัฐจึงควรมีมาตรการช่วยเหลือทั้งระบบ เช่น การเพิ่มรายได้ ลดค่าครองชีพ ปรับโครงสร้างหนี้ ฯลฯ เพื่อช่วยให้ประชาชนมีความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ย. 64)
Tags: บัตรเครดิต, ผลสำรวจ, สวนดุสิตโพล, สินเชื่อส่วนบุคคล, หนี้บัตรเครดิต, หนี้สิน