โบรกเกอร์ต่างแนะนำ “ซื้อ” หุ้น บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) จากแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/64 มีโอกาสทำได้สูงสุดในปีนี้ จากการโอนโครงการที่เลื่อนมาจากไตรมาส 3/64 และโครงการที่มีกำหนดโอนในช่วงไตรมาส 4/64 เข้ามารวมกัน หนุนผลการดำเนินงานโค้งสุดท้ายของปีเติบโตก้าวกระโดด และแนวโน้มยอดขายมีโอกาสทำได้เกินเป้า 2 หมื่นล้านบาทแม้เลื่อนเปิดแนวราบไป 2 โครงการ จากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบยังโตต่อเรื่อง และสถานกานณ์โควิด-19 ในประเทศดีขึ้น
ขณะที่ SC ยังมีการลงทุนในธุรกิจอี่นๆที่ต่อยออดและเข้ามาสร้างรายได้ประจำให้กับบริษัทเพิ่มเติม ซึ่งในปี 65 จะมีโรงแรมใหม่เริ่มเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 65 ซึ่งจะมีรายได้จากโรงแรมใหม่เข้ามาเสริม ต่อยอดรายได้ประจำที่มาจากอาคารสำน่กงานให้เช่าได้เพิมเติม
ราคา SC เปิดช่วงบ่ายอยู่ที่ 3.52 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท (+0.57%) ขณะที่ดัชนี SET +0.57%
โบรกเกอร์ | คำแนะนำ | ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) |
หยวนต้า | ซื้อ | 4.50 |
เอเซีย พลัส | ซื้อ | 4.30 |
คันทรี่ กรุ๊ป | ซื้อ | 4.26 |
ฟินันเซีย | ซื้อ | 4.20 |
โนมูระ | ซื้อ | 4.10 |
กสิกรไทย | ซื้อ | 4.00 |
เอเชีย เวลท์ | ซื้อ | 4.00 |
บัวหลวง | ซื้อ | 3.90 |
ดีบีเอส | ซื้อ | 3.80 |
นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินไตรมาส 4/64 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่สามารถทำกำไรได้สูงสุดของปี 64 จากการรับรู้รายได้ของการโอนโครงการแนวราบที่จะกระจุกตัวเข้ามามาก หลังจากที่ในช่วงไตรมาส 3/64 การโอนโครงการชะลอตัวจากมาตรการล็อกดาวน์ อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากการคลายล็อกดาวน์ และจากการผ่อนคลายมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำให้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูงจะเริ่มกลับมาซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มบ้านของ SC
การฟื้นตัวจะเห็นชัดมากขึ้นในปี 65 จากการคาดการณ์ว่า SC จะกลับมารุกเปิดโครงการใหม่ค่อนข้างมาก จากในปีนี้ที่การเปิดโครงการชะลอไปในช่วงโควิด-19 ระบาด แต่จากสถานการณ์ที่ดีขึ้นต่อเนื่องจะทำให้บริษัทมีความมั่นใจกลับมารุกเปิดโครงการแทนการตั้งรับเหมือนในปี 64 ซึ่งจะหนุนต่อการฟี้นตัวของผลการดำเนินงานในปีหน้า และยังมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมใหม่ในกรุงเทพฯที่จะเปิดไนช่วงกลางปี 65 เข้ามาเสริม
นางสาวนวลพรรณ น้อยรัชชุกร ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า SC เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีความโดดเด่นจากการเติบโตของตลาดแนวราบ โดยเฉพาะกลุ่มบ้านระดับบนที่เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้เป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของภาพรวมผลการดำเนินงาน โดยเฉพาะในส่วนของยอดขายบ้านแนวราบที่ยังทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในทุกไตรมาส และคาดว่าจะมีโอกาสทำยอดขายได้เกินกว่าเป้าที่บริษัทตั้งไว้ 2 หมี่นล้านบาท แม้ว่าในปีนี้จะมีการเลื่อนเปิดโครงการแนวราบออกไปปี 65 จำนวน 2 โครงการ มูลค่า 4 พันล้านบาทก็ตาม แต่ยังมีโครงการที่พร้อมขายอยู่ค่อนข้างมาก และมีแคมเปญโปรโมชั่นเข้ามากระตุ้นการซื้อของลูกค้า
ขณะที่แนวโน้มการโอนโครงการในช่วงไตรมาส 4/64 คาดว่าจะเห็นการกระจุกตัวของโครงการที่เลื่อนมาจากในช่วงไตรมาส 3/64 ค่อนข้างมาก และมีโครงการที่มีกำหนดโอนในไตรมาส 4/64 เข้ามาหนุน ซึ่งจะผลการดำเนินงานจะสามารถทำกำไรได้สูงสุดในปีนี้ และมีแนวโน้มสร้างผลการดำเนินงานทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในปี 65 ด้วย จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การผ่อนคลาย LTV ที่จะเข้ามาหนุนการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นผลบวกต่อ SC ด้วยเช่นกัน
นักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า จากการเติบโตของตลาดแนวราบมาอย่างต่อเนื่อง และความต้องการซื้อที่อยู่ที่คนหันมาสนใจซื้อบ้านแนวราบมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้ SC ถือเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว แม้ว่าจะมีปัจจัยจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เข้ามากระทบในช่วงที่ผ่านมาบ้างก็ตาม แต่ยังคงเห็นการเติบโตของผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าในไตรมาส 4/64 ยังคงเห็นการเติบโตของกำไรมีโอกาสเป็นไตรมาสที่ทำได้สูงสุดของปีนี้ จากการโอนกระจุกตัว และเป็นช่วงไฮซีซั่นของภาคอสังหาริมทรัพย์ทุกปี
นอกจากนี้ SC ยังมีการลงทุนในธุรกิจอี่นๆ ที่จะเข้ามาเสริมรายได้ในอนาคต โดยเฉพาะรายได้ประจำอย่างธุรกิจโรงแรม ที่จะเป็นอีกหนึ่งรายได้ที่เข้ามาเสริมจากอาคารสำนักงานให้เช่า โดยจะมีโรงแรมแห่งแรกเปิดให้บริการกลางปี 65 และยังมีการลงทุนในสหรัฐฯที่จะเข้ามาเสริมรายได้ในปีหน้าให้กระจายตัวมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 64)
Tags: Consensus, SC, นวลพรรณ น้อยรัชชุกร, บล.เอเซีย พลัส, หุ้นไทย, เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น