เว็บไซต์ของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาเรื่องการปล่อยน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองผ่านทางการจัดประมูลขาย อย่างไรก็ดี คาดว่าการเปิดประมูลในครั้งนี้อาจจะไม่ได้รับความสนใจจากบรรดาโรงกลั่นมากนัก เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศชะลอตัวลง อันเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ก่อนที่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในช่วงฤดูหนาวจะเริ่มต้นขึ้นในปีหน้า
รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คณะกรรมการกำกับดูแลด้านอาหารและน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ของจีนกำลังพิจารณาเรื่องการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง โดยคณะกรรมการจะเปิดเผยรายละเอียดดังกล่าวบนเว็บไซต์
“เรากำลังพิจารณาเรื่องการระบายน้ำมันดิบออกจากคลังสำรอง ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เราจะออกแถลงการณ์บนเว็บไซต์ของเรา” โฆษกของคณะกรรมการกำกับดูแลด้านอาหารและน้ำมันสำรองทางยุทศาสตร์ของจีนเปิดเผยกับรอยเตอร์
หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวก่อนหน้านี้ว่า ในการประชุมทางไกลระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น สหรัฐได้เรียกร้องให้จีนระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองเพื่อทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลง และหน่วยงานด้านพลังงานของจีนและสหรัฐกำลังหารือกันเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องนี้
เซาท์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ยังระบุด้วยว่า จีนเปิดกว้างสำหรับคำร้องขอของสหรัฐ แต่ก็ไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้มาตรการใดอย่างเจาะจง โดยระบุเพียงว่า จีนจำเป็นต้องพิจารณาถึงความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศ
ทั้งนี้ สหรัฐมีน้ำมันดิบอยู่ในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) มากที่สุดในโลกถึง 727 ล้านบาร์เรล ขณะที่จีนมีน้ำมันสำรองอยู่ประมาณ 200 ล้านบาร์เรล ซึ่งหากทั้งสองประเทศระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองก็จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ย. 64)
Tags: จีน, น้ำมัน, น้ำมันดิบ, ราคาน้ำมัน, สหรัฐ, เอสแอนด์พี โกลบอล