เกาะติดปัจจับพื้นฐานของว่าที่หุ้นน้องใหม่อีกหนึ่งรายนั้นก็คือ บมจ.ที.อาร์.วี.รับเบอร์ โปรดักส์ (TRV) ที่เตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ใรช่วงปลายปี 64 โดยมีรายละเอียดของการนำเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 54,565,000 หุ้น คิดเป็น 26.00% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (Par value) 0.50 บาทต่อหุ้น
นายธีรวุฒิ นวมงคลชัยกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์ (TRV) เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์”ว่า ธุรกิจของ TRV มีจุดกำเนิดจากธุรกิจครอบครัว และด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปีที่บริษัทมุ่งพัฒนาธุรกิจทั้งด้านการบริหารจัดการ การพัฒนาบุคลากร กระบวนการผลิต คุณภาพของสินค้า การส่งมอบให้ทันเวลา ส่งผลให้บริษัทได้รับความไว้วางใจผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปชิ้นส่วนประกอบของรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ดังต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นเป็นหนึ่งฐานลูกค้าหลักของบริษัท ซึ่งผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปนั้นนับเป็นส่วนสำคัญอย่างมากและมีความต้องการในตลาดสูง
ทั้งนี้ TRV เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าจำแนกตามกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในยานยนต์ อาทิ ท่อยางกันกระแทก ยางร้อยสายไฟในรถยนต์ ปะเก็นยาง ยางโอริง ลูกยาง ซีลยาง ยางแป้นเบรก ยางกันลื่น, ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ ชิ้นส่วนยางในหม้อหุงข้าว ปั๊มน้ำ เครื่องซักผ้า เครื่องดูดฝุ่น ไมโครเวฟ คอมเพรสเซอร์ ตู้เย็น เครื่องกรองอากาศ และชิ้นส่วนยางขึ้นรูปอื่นๆ อาทิ ชิ้นส่วนยางในเครื่องจักรการเกษตร ท่อประปา เป็นต้น
นายธีรวุฒิ ยอมรับว่า แม้ว่าตลอดปีที่ผ่านมาบริษัทอาจได้รับผลกระทบบ้างจากการชะลอตัวการผลิตรถยนต์ในประเทศจากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 แต่จากช่วงที่ผ่านมาบริษัทกระจายพอร์ตเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการยังรักษาความสามารถทำกำไรได้เป็นอย่างดี ขณะที่แนวโน้มของอุตสาหกรรมรถยนต์ก็เห็นสัญญาณการกลับมาฟื้นตัวได้ชัดเจนอีกครั้ง โดยเฉพาะปี 65 น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญสนับสนุนภาพรวมรายได้และศักยภาพทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ หรือ ISO 9001:2015 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลเพื่อรับรองคุณภาพและความมีประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจ และได้รับรองมาตรฐานระบบการจัดการคุณภาพยานยนต์ หรือ IATF 16949:2016 ส่งผลให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่น
อีกทั้งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในครั้งนี้ก็เชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนแผนการขยายกำลังการผลิตและการแข่งขันในตลาด เพื่อรองรับโอกาสเติบโตในอนาค
นายธีรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการระดมทุนครั้งนี้จะนำเงินไปใช้ลงทุนซื้อเครื่องจักรจำนวน 15 เครื่อง เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในกลุ่มยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 94 ล้านชิ้นต่อปีในช่วงปี 2565-2568 นำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงินบางส่วนเพื่อลดต้นทุนด้านการเงิน และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
“ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์บริษัทคือความโดดเด่นด้านคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานสากลทั้งญี่ปุ่นและยุโรป ทำให้ผลประกอบการบริษัทมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีอัตราการทำกำไรทั้งกำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิอยู่ในระดับที่ดี ส่วนประเด็นการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่รถยนต์ไฟฟ้าในไทย มองว่าสินค้าของ TRV ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะสินค้าของบริษัทที่เป็นชิ้นส่วนยางขึ้นรูปน่าจะได้รับประโยชน์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นส่วนประกอบในรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน”นายธีรวุฒิ กล่าว
นายธีรวุฒิ กล่าว
ขณะที่ภาพรวมผลประกอบการของ TRV ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่าปี 61 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 146.40 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 23.59 ล้านบาท ,ปี 62 มีรายได้รวมอยู่ที่ 168.55 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 25.27 ล้านบาท และปี 63 มีรายได้รวมอยู่ที่ 159.65 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 21.20 ล้านบาท
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 64 มีรายได้รวม 92.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.93% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 74.61 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 15.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.98% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 8.40 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิงวดครึ่งปีแรก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 17.10 % และ 11.28 % ตามลำดับ
โครงสร้างรายได้มาจากชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในอุตสาหกรรมยานยนต์ 52.45% ,ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า 46.53% และชิ้นส่วนยางขึ้นรูปอื่นๆอีก 0.85%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 64)
Tags: IPO, mai, TRV, ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ, ที.อาร์.วี.รับเบอร์ โปรดักส์, ธีรวุฒิ นวมงคลชัยกิจ, หุ้นไทย