นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) เปิดเผยว่า บริษัทวางงบลงทุน 50 ล้านบาท เพื่อเพิ่มเครื่องจักรในการผลิตไลน์ใหม่ ซึ่งจะเป็นไลน์การผลิตที่ 3 ในระบบออโตเมชั่น ที่สามารถลดการใช้แรงงานและสามารถผลิตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 1/65 นอกจากนี้ยังมีแผนขยายการลงทุนคลังสินค้าเพื่อรองรับความต้องการสินค้าช่วงไฮซีซั่นที่มีความต้องการสินค้ามากกว่าช่วงเวลาปกติ 2-3 เท่าตัว ซึ่งคลังสินค้าดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/65
พร้อมกันนี้บริษัทยังเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเครื่องสกัดสารด้วยระบบ SUPERCRITICAL FLUID CO2 EXTRACTION เพื่อสกัดสารจากพืชสมุนไพรไทย โดยล่าสุดได้เปิดตัวเครื่องสกัดรุ่นที่ 2 KWM EXTRACTOR 2.0 ภายใต้รูปแบบการสกัด Supercritical CO2 Extraction (ในกลุ่มธุรกิจ SOIL-OIL-EXTRACTION) ที่การันตีศักยภาพเครื่องสกัดสัญชาติไทยที่เปรียบเท่าเครื่องสกัดจากต่างประเทศ โดยใช้ระยะเวลาในการสกัด 4-6 ชั่วโมง โดยได้ส่งมอบเครื่องสกัดเป็นรุ่นที่ 2 ให้กับลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาภายในเดือน พ.ย.นี้
และยังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการเข้าติดตั้งเครื่องสกัด KWM Extractor 1.0 ให้กับลูกค้ารายใหม่อีกไม่ต่ำว่า 2 ราย ดังนั้น คาดว่ามีโอกาสจะติดตั้งไม่ต่ำกว่า 5 เครื่องภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการผลิตเครื่องจักร ทั้งด้านอุปกรณ์การเกษตร และนวัตกรรมการผลิตเครื่องสกัดสารจากพืชสมุนไพร ที่ครบวงจรได้เป็นอย่างดี
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 64 มีรายได้จากการขาย 437.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.57 ล้านบาท หรือคิดเป็น 64.42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 70.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.70 ล้านบาท หรือเติบโต 103.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนไตรมาส 3/64 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 128.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.71 ล้านบาท หรือเติบโต 76.96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิ 19.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.85 ล้านบาท หรือเติบโต 54.58% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมการเกษตรที่มีการเติบโตที่ดีขึ้นตั้งแต่ต้นปี 64 ด้วยสภาพอากาศโดยทั่วไปที่เอื้ออำนวย ไม่มีปัญหาภัยแล้งที่รุนแรง ทำให้สถานการณ์การผลิตพืชดีกว่าปีที่ผ่านมา ประกอบกับในช่วงครึ่งปีแรก ราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ให้เกษตรกรเพิ่มปริมาณการผลิต
นายเอกพันธ์ กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาส 3/64 มีขยายตัว 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการเติบโตจากการเพาะปลูกพืช ที่ขยายตัว 9.6% และการให้บริการทางการเกษตร ที่ขยายตัว 4.8% โดยสินค้าของบริษัทฯมียอดขายที่เติบโตขึ้นในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ยกเว้นสินค้าประเภทใบเกลียว ที่ในไตรมาส 3/64 มียอดขายลดลง 17.18% เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 3/63 เนื่องจาก Supply Chain ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้สายการผลิตหยุดชะงักชั่วคราว ส่งผลให้ยอดขายของสินค้าดังกล่าวลดลงในไตรมาสนี้
“หลังจากที่บริษัทฯ แจ้งงบผลการดำเนินงาน งวด 9 เดือน จะเห็นได้ว่าบริษัทฯมีความสามารถในการทำรายได้ 437.89 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าสัดส่วนรายได้ในปีก่อนที่ทำไว้ 355.06 ล้านบาท เป็นการการันตีตอกย้ำให้เห็นศักยภาพการเติบของบริษัทฯ ที่บริษัทฯจะมีอัตราการเติบโตในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 40% อย่างแน่นอน”
นายเอกพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากภาพรวมอุตสาหกรรมการเกษตรซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ KWM ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากแรงขับเคลื่อนในการใช้สินค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์การเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเห็นจากดีมานด์การใช้กลุ่มเครื่องจักร และอุปกรณ์เกษตร ที่มีความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงราคาสินค้าที่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เป็นแรงผลักดันให้เกษตรกรขยายการผลิตเพิ่มขึ้นตาม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 64)
Tags: KWM, ผลการดำเนินงาน, หุ้นไทย, เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค, เอกพันธ์ วนโกสุม