นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) เปิดเผยว่า แผนดำเนินงานในไตรมาส 4/64 บริษัทเตรียมรุกขยายธุรกิจคอมเมิร์ซอย่างเต็มที่ โดยมีการปรับผังรายการช่อง JKN18 เพื่อสร้างเรตติ้งให้ดีขึ้น จากปัจจุบันที่ปรับตัวมาอยู่ที่อันดับ 15 ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงลูกค้าและสร้างโอกาสการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รองรับความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น
บริษัทจะเร่งสื่อสารการตลาดและกระตุ้นการซื้อสินค้าผ่านช่องทาง JKN18 และ JKN Hi shopping ซึ่งมีฐานลูกค้ามากกว่า 1 ล้านราย พร้อมกับการขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพทุกแบรนด์ เข้าสู่ช่องทางขายผ่านร้านสะดวกซื้อ 7- Eleven เพิ่มเติม จากเดิมที่มีการจำหน่ายผ่านห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น โลตัสส์ และบิ๊กซี ซึ่งจะช่วยสร้างยอดขายจากกลุ่มธุรกิจนี้เพิ่มขึ้น
JKN ยังมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัดจากกัญชงในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ทันที หากได้รับการอนุญาตจากภาครัฐ จึงคาดว่าสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ซจะทำสัดส่วนรายได้ 3-5% ของรายได้รวม และช่วยสนับสนุนเป้าหมายปีนี้ของ JKN มีการเติบโต 10-15% ตามแผน
ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 1,406 ล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้มีปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดจากโควิด-19 ที่ส่งผลเศรษฐกิจชะลอตัว แต่กลุ่มธุรกิจจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ยังคงตอกย้ำความแข็งแกร่งที่ดี โดยมีอัตราการเติบโต 1.27% จากจุดแข็งของ JKN ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์คอนเทนต์แบบ Output Deal ที่มีลิขสิทธิ์คอนเทนต์แบรนด์ดังระดับโลก จึงสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งกลุ่มผู้ชมชาวไทยและภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกได้ในทุกแพลตฟอร์ม ทั้งทีวีดาวเทียม ทีวีดิจิทัล และออนไลน์ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เริ่มทยอยการรับรู้รายได้จากกลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ซในไตรมาส 3 ได้เต็มไตรมาส จึงส่งเสริมการเติบโตภาพรวมรายได้ในช่วงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังได้รับแรงกดดันจากการมีค่าใช้จ่ายด้านการทำตลาดและการบริหารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่มีการขยายธุรกิจคอมเมิร์ซโดยการเข้าไปซื้อและบริหารช่องทีวีดิจิทัล JKN18 ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นวางรากฐานทางธุรกิจ เพื่อผลักดัน JKN ให้ก้าวสู่การเป็น Content Commerce Company ซึ่งถือเป็นช่วงลงทุนทำธุรกิจ แต่ยังสามารถทำกำไรสุทธิได้สูงถึง 193 ล้านบาท สะท้อนถึงความสามารถการดำเนินเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง
ขณะที่ไตรมาส 3/64 แม้มีปัจจัยลบจากโควิด-19 ที่รุนแรง แต่บริษัทฯ ยังสามารถทำรายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในประเทศและต่างประเทศได้ต่อเนื่อง โดยขยายฐานลูกค้าในตลาดใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้น เช่น ประเทศอียิปต์และบรูไน ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจคอนเทนต์เติบโต 11% ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ทำได้ 33 ล้านบาท มีปัจจัยหลักมาจากค่าใช้จ่ายด้านการขายและการทำตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค รวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่ร้านสะดวกซื้อ 7- Eleven เพื่อสร้างโอกาสการเติบโต รับกับจังหวะการเปิดเมืองตามนโยบายของภาครัฐ
“แม้ปีนี้จะมีปัจจัยลบที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่ JKN ยังคงรักษาอัตราการเติบโตของรายได้รวมได้อย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ที่เป็นสัดส่วนรายได้หลัก ตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคอาเซียนได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม แม้กำไรสุทธิที่ปรับตัวลดลงนั้น เกิดจากการลงทุนในช่วงเริ่มต้นที่ต้องการสร้างธุรกิจคอมเมิร์ซให้มีความแข็งแกร่ง และจะเป็น S-Curve ใหม่ให้แก่ JKN ซึ่งมั่นใจว่า มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นต่อไปในอนาคต”
นายจักรพงษ์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ย. 64)
Tags: JKN, จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, หุ้นไทย, เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ, เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย