หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์-อิงขึ้นเล็ง Fund Flow ไหลเข้าหลังบาทแข็ง

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway up เล็ง Fund Flow ไหลเข้าหลังเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ประกอบกับราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ส่วนการประชุม กนง.วันนี้คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบสลับกันช่วงรอดูเงินเฟ้อสหรัฐฯ พร้อมให้แนวรับ 1,617 แนวต้าน 1,640 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASP) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up จากเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น น่าจะช่วยดึง Fund Flow ให้เข้ามาได้ ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ก็คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย โดยจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ก่อน

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับกันในช่วงรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ พร้อมให้แนวรับ 1,617 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640 จุด

ด้าน บล.กรุงศรี มองแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้คาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,635-1,640 จุด ตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเหนือ 84 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล จากคาดการณ์ Demand เพิ่มขึ้นหลังหลายประเทศเปิดเมือง รวมถึงรับผลดีจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านดอลลาร์ของสหรัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ความกังวลภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัว และช่วงประกาศงบไตรมาส 3/64 อาจจะยังกดดันดัชนีให้ผันผวนในระหว่างวันได้

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,319.98 จุด ลดลง 112.24 จุด (-0.31%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,685.25 จุด ลดลง 16.45 จุด (-0.35%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,886.54 จุด ลดลง 95.81 จุด (-0.60%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 76.40 จุด หรือ -0.26%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 25.69 จุด หรือ -0.10% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.06 จุด หรือ -0.23%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 พ.ย.)1,631.69 จุด เพิ่มขึ้น 5.56 จุด (+0.34%)

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,242.86 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 พ.ย.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 84.15 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์ หรือ 2.7%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 พ.ย.) อยู่ที่ 7.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.80 แนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ติดตามประชุมกนง.ประเมินศก.ช่วงท้ายปี

– ท่องเที่ยวไทยพ้นจุดต่ำสุด กางโรดแมพ “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ นิว แชปเตอร์” ดึงเทคโนโลยี นวัตกรรม พลิกโฉมทุกมิติ เร่งเพิ่มขีดแข่งขัน เจาะนักท่องเที่ยวคุณภาพ รายได้สูง พุ่งเป้า “อินเดีย” ขุมทรัพย์ 2 พันล้านคน ชดเชยตลาดจีนซึมยาว ลุ้นปีหน้าทัวริสต์ฟื้น 50% ดันรายได้ 1.5 ล้านล้าน “ณรงค์ชัย” อดีต รมว.พลังงาน เผยอุตฯท่องเที่ยวฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป

– สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ชี้ภาพรวมตลาดเริ่มฟื้นตัวหลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ เผยโควิดกระทบอัตราปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 50-60%

– นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติประกาศปรับราคาจำหน่ายหมูมีชีวิตเป็นกิโลกรัม (กก.) 84 บาท เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ว่า จากการติดตามสถานการณ์ราคาซื้อขายและส่งมอบยังไม่เกิน กก.ละ 80 บาท ตามที่กรมขอความร่วมมือไว้ ส่วนหมูเนื้อแดงไม่ตัดแต่งราคาขายปลีก ล่าสุด วันที่ 8 พ.ย.อยู่ที่ กก.ละ 135-140 บาท และราคาหมูเนื้อแดงตัดแต่ง กก.ละ 145-150 บาท ซึ่งเป็นราคาเดียวกับปีก่อน ขณะที่ราคาขายปลีกหมูเนื้อแดงชำแหละในห้างค้าปลีกค้าส่งอยู่ที่ กก.ละ 119-122 บาท

– นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ช่วง 9 เดือน ที่ผ่านมา ระหว่างเดือน ม.ค.-ก.ย.64 สถานการณ์โควิดได้สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจแล้วราว 1 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการที่สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับมีการเร่งฉีดวัคซีนและเปิดประเทศ การผ่อนคลายมาตรการอย่างต่อเนื่อง สร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน ทำให้คาดว่าจีดีพีไทยปีนี้จะเติบโตเป็นบวกได้ 0.5-1.5% โดยภาคเอกชนยังอยากให้ภาครัฐนำโครงการช้อปดีมีคืนมาใช้ให้ทันในเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจหมุนเวียนและคึกคักได้ต่อเนื่องในเดือน ธ.ค.นี้

– ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพปรับตัวลดลงในเดือน ต.ค.64 หลังราคาน้ำมันและราคาผลผลิตทางการเกษตรปรับเพิ่มขึ้น โดยครัวเรือนมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพ เห็นได้จากการสำรวจดัชนีในเดือน ต.ค.64 อยู่ที่ 34.9 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 36.6 และครัวเรือนยังกังวลในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับลดลง 36.7 จาก 38.4 เนื่องจากครัวเรือนกังวลราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบโลก และราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา

หุ้นเด่นวันนี้

– PTTEP (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 160 บาท ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรงกว่า 2.2$/bbl ใกล้แตะระดับสูงสุดเดิมที่ 85.4$/bbl แต่ราคาหุ้นของ PTTEP ยังไม่ได้ตอบสนองในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน ทั้งที่การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันมีผลโดยตรงต่อรายได้และกำไรเนื่องจากมีสูตรราคาเป็น Oil link

– FSMART (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 13.50 บาท คาดกำไร Q3/64 -20% Q-Q, -27% Y-Y จากผลล็อกดาวน์ และปิดแคมป์คนงานกระทบกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นลูกค้าหลัก อย่างไรก็ตามคาดทยอยฟื้นตัวใน Q4/64 เป็นต้นไป ตู้เต่าบินจะเป็น New S-Curve มีแผนขยายปีละ 1 หมื่นตู้ในอีก 2 ปี คาดกำไรปี 64-67 เติบโต +39% CAGR ประเมินราคาเป้าหมายจากตู้บุญเติม 4.70 บาทและตู้เต่าบิน 8.80 บาท พร้อมให้แนวรับ 11-10.60 บาท แนวต้าน 11.50-12 บาท

– WICE (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร”เป้าเฉลี่ย IAA Consensus 17.30 บาท แนวโน้ม Q3/64 กำไรขึ้นนิวไฮต่อเนื่อง หนุนจากปริมาณงานขนส่งทางเรือและการขนส่งทางบกข้ามพรมแดน รวมถึงการเพิ่ม Capacity จำนวนตู้สินค้าเพื่อรองรับงาน แนวโน้มการขนส่งในช่วง Q4/64 คาดยังขยายตัวดีต่อเนื่องตามสภาพเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว การขนส่งทางเรือยังได้ประโยชน์จากปริมาณขนส่งเส้นทางสหรัฐฯ ยุโรป ส่วนธุรกิจขนส่งข้ามพรมแดน ETL มีแนวโน้มเติบโตเด่นตามความนิยมและบริษัทเข้าไปถือหุ้นเพิ่มเป็น 51% มีแผนนำเข้าตลาดหุ้นในระยะถัดไป

– MAJOR (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 28 บาท คาด Q3/64 จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขาย SF หนุนกำไรสุทธิ Q3/64 ราว 2 พันล้านบาท อาจมีโอกาสจ่ายปันผลพิเศษ อีกทั้งหลังคลายล็อกดาวน์คาดจะช่วยหนุนให้กำไรในช่วง Q4/64 ฟื้นตัวขึ้นสอดคล้องกับหนังที่ทยอยเข้าฉายมากขึ้น และเร่งขึ้นต่อในปี 2565

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 64)

Tags: , ,
Back to Top