SABUY ทุ่ม 1.58 พันลบ.ทำดีลขยายธุรกิจครั้งใหญ่ พร้อมโชว์กำไร Q3/64 โตพุ่ง

นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการลงทุนหลายโครงการ มูลค่าลงทุนกว่า 1.58 พันล้านบาท ดังนี้

  1. อนุมัติให้ SABUY เข้าลงทุนในบริษัท แพลท ฟินเซิร์ฟ จำกัด (PFS) โดยซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 50% จาก บริษัท แคช แมชชีน แคปปิตอล จำกัด (CMC) มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 1,130,000,000 บาท โดยชำระเป็นเงินสด 360 ล้านบาท และที่เหลือ 770 ล้านบาท จะชำระเป็นหุ้น โดย SABUY ออกหุ้นเพิ่มทุน 70 ล้านหุ้น เพื่อขายแบบเฉพาะเจาะจง (PP) เสนอขายที่ 11 บาท/หุ้น โดย PFS ได้สิทธิติดตั้ง ตู้ ATM จำนวน 10,000 ตู้หน้าร้าน 7-11 ทั่วประเทศเป็นเวลา 10 ปี และจะให้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสผ่านตู้ ATM แทนบริการด้วยพนักงาน
  2. อนุมัติให้กลุ่ม SABUY เข้าซื้อทรัพย์สินธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) จำนวน 4,600 ตู้จาก บจก. ฟอร์ท เวนดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ. ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น (FORTH) เป็นเงินไม่เกิน 340 ล้านบาท ทำให้กลุ่มบริษัท SABUY มีตู้สินค้าอัตโนมัติเพิ่มขึ้น และมีศักยภาพในการแข่งขันเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดอย่างแท้จริง
  3. อนุมัติให้ SABUY ร่วมทุนกับ บมจ. ฟอร์ท สมาร์ท (FSMART) ในสัดส่วนการถือหุ้น 50% เพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ ดำเนินธุรกิจเครือข่าย ร้านรับส่งพัสดุ ซ่อมแซมตู้จำหน่ายสินค้า และพัฒนาธุรกิจอื่นๆ ในอนาคต โดย SABUY จะถือหุ้น 50% ด้วยมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท
  4. อนุมัติ SABUY ขยายธุรกิจเครือข่ายร้านรับส่งพัสดุทั่วประเทศ เพื่อรองรับธุรกิจ E-Commerce & e-Logistics โดยการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 70% ในบริษัท เดอะ เลตเตอร์ โพสต์ เซอร์วิส จำกัด ด้วยมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 42 ล้านบาท ซึ่งช่วยเพิ่มสาขาบริการให้กับกลุ่มได้อีกกว่า 750 สาขา
  5. อนุมัติเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 60% ในบริษัท เอ็มพ้อยท์เอ็กซ์เพรส จำกัด ด้วยมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 24 ล้านบาท ทำให้มีสาขาเพิ่มขึ้นอีกกว่า 800 สาขา
  6. อนุมัติให้ SABUY เพิ่มการลงทุนในบริษัท เอ. ที. พี. เฟรนส์ เซอร์วิส จำกัด (ชิปป์สไมล์) ซื้อหุ้นเพิ่มไม่เกิน 10% ด้วยเงินไม่เกิน 37.50 ล้านบาท จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ทำให้ SABUY เพิ่มการถือหุ้นใน Shipsmile จาก 38% เป็น ไม่เกิน 48%

“การประกาศ 6 การลงทุนดังกล่าว แสดงให้เห็นความสำเร็จในการขยายกิจการอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของ SABUY ซึ่งนอกเหนือจากจะสร้างความแข็งแกร่งให้กิจการ เพิ่มผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง และ ขยาย Ecosystem ของ SABUY อย่างมีนัยสำคัญ และขยายพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อต่อยอดธุรกิจเดิม และ เข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เช่นธุรกิจ ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ธุรกิจร้านรับส่งพัสดุ เป็นต้น”

นายชูเกียรติ กล่าว

ก่อนหน้านี้ บริษัทได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่ม บมจ. ที.เค.เอส. เทคโนโลยี (TKS) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน เชื่อว่า SABUY และ TKS จะสามารถร่วมกันต่อยอดธุรกิจโดยการสร้างสรรค์นวัตกรรม ใหม่ๆ โดยเฉพาะด้าน E-Money ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคในยุคดิจิตอลได้อย่างรวดเร็วและมี ประสิทธิภาพ และ SABUY จับมือร่วมทุนเปิดตัวบริษัท เทโร สบาย จำกัด ผนึกกำลังด้านสื่อโฆษณา การจัดอีเว้นท์ระดับโลก และเทคโนโลยี เชื่อมต่อธุรกิจบันเทิงอย่างครบวงจร การร่วมมือกันในครั้งนี้นับเป็นการผนึกเอาความแข็งแกร่งของ Digital Media & Marketing จากกลุ่มเทโรเข้ากับ Technology & Payment Platform ของกลุ่มสบายได้อย่างลงตัว

นายชูเกียรติ ยังชี้แจงผลประกอบการไตรมาส 3/64 เติบโตสวนกระแส ท่ามกลางสภาวะล็อคดาวน์ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลากหลายอุตสาหกรรม โดยบริษัทมีรายได้รวมกว่า 675 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 56.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 22.5 ล้านบาท

อัตรากำไรสุทธิขยายตัวกว่า 100% เป็น 11% จากอัตรากำไรสุทธิ 5.3 % ในไตรมาส 3/63 เนื่องจาก SABUY มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นจากธุรกิจตู้เติมเงิน ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ระบบศูนย์อาหาร และจากการถือหุ้นใน บมจ. ทีบีเอสพี (TBSP) และบริษัท เอ ที พี เฟรนส์ จำกัด (ชิปป์สไมล์) นอกจากนั้น ยังประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการต้นทุนในส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหาร ทำให้สามารถสร้างผลประกอบการได้ดี และรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการขายสินค้าและบริการชำระเงินต่างๆ ใน Ecosystem ของกลุ่ม

ณ วันที่ 30 ก.ย.64 SABUY มีจำนวนตู้เติมเงิน 57,000 ตู้ ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเท่ากับ 5,600 ตู้ ศูนย์อาหาร 231 แห่ง ร้านชิปป์สไมล์ 4,040 สาขา ร้านพลัส เอ็กซ์เพรส 170 แห่ง บริษัทปรับตัวตามนโยบายภาครัฐในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 และปรับแผนการขยายกิจการให้มีประสิทธิภาพ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ย. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top