CPN เผยลูกค้ากลับเข้าใช้บริการศูนย์ฯเป็น 70-100% หลังเปิดเมืองดันผลงานฟื้นตัว

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์ปัจจุบัน หลังมีการคลายล็อคดาวน์สถานการณ์ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนกล้ากลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น รวมทั้งศูนย์การค้าเซ็นทรัลทุกสาขา มีการยกระดับมาตรการความสะอาดปลอดภัยเชิงรุก “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+” ที่เพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกค้าและผู้มาใช้บริการ ส่งผลให้จำนวนทราฟฟิกของศูนย์การค้าส่วนใหญ่กลับมา 70-75% สำหรับสาขาในกรุงเทพฯ ส่วนสาขาในต่างจังหวัดทราฟฟิกกลับมาเกือบ 100% แล้ว

สำหรับผลประกอบการของไตรมาส 3/64 บริษัทยังคงความสามารถในการรักษากำไรได้ แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกที่ 3-4 โดยบริษัทยังคงยึดมั่นการทำธุรกิจที่ดูแลพันธมิตรผู้เช่าอย่างเต็มที่ โดยภาพรวมงวด 9 เดือนของปี 64 ถือว่าบริหารจัดการได้ดี โดยผลประกอบการรวมตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย. 64 มีรายได้รวม 20,995 ล้านบาท ลดลง 11% และกำไรสุทธิ 5,332 ล้านบาท ลดลง 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลกระทบจากมาตรการล็อคดาวน์ ที่ทำให้ต้องปิดศูนย์การค้าชั่วคราวในพื้นที่ควบคุมเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน

“บริษัทยังคงให้ความช่วยเหลือผู้เช่าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังคงมีการบริหารจัดการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน และรักษาความสามารถในการทำกำไรอย่างสุดความสามารถ”นางสาวนภารัตน์ กล่าว

นอกจากจะสามารถรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 แล้ว CPN ไม่หยุดนิ่งที่จะศึกษาหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตต่อไปในอนาคต โดยล่าสุดได้ทำการเข้าซื้อกิจการ บมจ.สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ (SF) และเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยธุรกิจของ SF จะช่วยเสริมการเติบโตในระยะยาวได้อย่างแข็งแกร่ง ผ่านโครงการศักยภาพสูงหลายแห่ง อาทิ คอมมูนีตี้ มอลล์ และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ระดับ Super Regional Mall อย่างเมกาบางนา ที่ทาง SF ร่วมลงทุนและพัฒนากับผู้นำธุรกิจค้าปลีกระดับโลกอย่าง IKEA

และ CPN ยังคงเดินหน้าลงทุนเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ โดยล่าสุดเปิดให้บริการ “เซ็นทรัล ศรีราชา” ต้นแบบโครงการมิกซ์ยูสแห่งอนาคตใหญ่และครบครันที่สุดในภาคตะวันออก ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 4,200 ล้าน เปิดให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 27 ต.ต.64 ภายใต้การคุมเข้มมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+” โดยในวันแรกที่เปิดให้บริการ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามโดยจำนวนทราฟฟิกสูงถึง 30,000 คน เกินเป้าหมายที่วางไว้ รวมทั้งเดินหน้าเตรียมเปิด “เซ็นทรัล อยุธยา” ในวันที่ 30 พ.ย. 64 นี้ และเตรียมเปิดเซ็นทรัล จันทบุรี ในช่วงกลางปี 65 และโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่ร่วมพัฒนากับบมจ.ดุสิตธานี (DUSIT) ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการในปี 66-67 เป็นต้นไป

ปัจจุบัน CPN บริหารจัดการศูนย์การค้า 35 แห่ง (อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ, ต่างจังหวัด 19 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ) ศูนย์การค้าภายใต้กิจการร่วมค้า 1 แห่ง คอมมูนิตี้ มอลล์ 17 แห่ง ศูนย์อาหาร 30 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 2 แห่ง

โครงการที่พักอาศัยอีก 19 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL PAHOL 34 และ BELLE GRAND RAMA 9 และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN พิษณุโลก (ทาวน์โฮม) นินญา กัลปพฤกษ์ (บ้านแฝด) โครงการนิยาม บรมราชชนนี (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ได้แก่ นีรติ เชียงราย และนีรติ บางนา โดยโครงการดังกล่าวได้รวมส่วนที่บริหารจัดการโดยบมจ.แกรนด์ คาแนล แลนด์ (GLAND) และ SF ที่เซ็นทรัลพัฒนาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่

สำหรับแผนการลงทุนและเป้าหมายทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 64-68) บริษัทได้มีการปรับแผนการลงทุน และแผนพัฒนาโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้ประกาศ ทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) โครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน

บริษัทยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น การเข้าซื้อกิจการ และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่และสอดคล้องกับแผนการเติบโตตามเป้าหมายในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ย. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top