น.ส.กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) เปิดเผยว่า ด้วยนโยบายเปิดประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล การเติบโตอย่างต่อเนื่องของยอดขายออนไลน์ OEM ต่างประเทศ และแฟรนไชส์ต่างประเทศของบริษัท รวมถึงการจับมือเป็นพันธมิตรกับบมจ.คอมเซเว่น (COM7) จะช่วยผลประกอบการของบริษัทกลับมาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 4/64 รวมถึงมั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลประกอบการในปี 65 ให้สามารถกลับไปเติบโตเทียบเท่ากับช่วงเวลาก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างแน่นอน
ที่ผ่านมา บริษัทได้บรรลุข้อตกลงกับ COM7 ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสมาร์ทโฟนและสินค้าเทคโนโลยีรายใหญ่ของประเทศไทย ให้เป็นผู้จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์มือถือ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ที่ Index Living Mall ทุกสาขา โดย COM7 จะเริ่มเข้าบริหารพื้นที่เฟสแรก 15 สาขา ภายในเดือนพ.ย.64
ทั้งนี้ การร่วมเป็นพันธมิตรระหว่างบริษัทฯ กับ COM7 ในครั้งนี้ จะเป็นการส่งเสริมธุรกิจกันและกันทั้งสองฝ่าย (Win-Win Strategy) เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีความเกี่ยวเนื่องกัน โดยเชื่อมั่นว่าจะสามารถช่วยดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการที่สาขาของ Index Living Mall มากขึ้น เนื่องจากหมวดสินค้าจะมีความครบครัน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 บริษัทมีรายได้รวม 1,849.6 ล้านบาท ลดลง 7.0% จากช่วงปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 55.9 ล้านบาท ลดลง 61.6% จากช่วงปีก่อน ขณะที่รอบ 9 เดือนปี 64 รายได้รวม 6,044.7 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน แต่กำไรสุทธิ 302.2 ล้านบาท เติบโต 8.6% จากปีก่อน
โดยการลดลงของรายได้และกำไรสุทธิในไตรมาส 3/64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์และมาตรการควบคุมต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.-31 ส.ค.64 ส่งผลให้บางสาขาของ Index Living Mall, The Walk และ Little Walk ต้องหยุดให้บริการเป็นการชั่วคราวในช่วงเวลาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการไตรมาส 3/64 ดีกว่าไตรมาส 2/63 ที่มีการประกาศล็อกดาวน์รอบแรกอย่างมีนัยสำคัญ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ย. 64)
Tags: ILM, กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ, หุ้นไทย, อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์