นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ขึ้นได้จาก Sentiment ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ยังดีอยู่ จากงบฯบริษัทในสหรัฐฯและยุโรปออกมาดี-ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯออกมาดี-เฟดไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยช่วยหนุน ส่วนในประเทศก็มีปัจจัยบวกจาก FETCO แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่วันนี้ยังต้องติดตามเงินเฟ้อของไทย-ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ พร้อมให้แนวรับ 1,620-1,608 แนวต้าน 1,632 ถัดไป 1,635-1,640 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นได้ จาก Sentiment ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ยังดีอยู่ ส่วนใหญ่ขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ และยุโรปที่ออกมาดี และสหรัฐฯมีตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 14,000 ราย สู่ระดับ 269,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 275,000 ราย
นอกจากนี้ ยังได้ปัจจัยบวกจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นคืนเมื่อวานนี้ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ
ส่วนปัจจัยในประเทศก็ได้แรงหนุนจากสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO)แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index:ICI) เดือนตุลาคม 2564 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่น นักลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 168.69 สูงสุดตั้งแต่เริ่มทำการจัดทำดัชนี โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.2% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก”
อย่างไรดี ให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของไทยในวันนี้ และติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่ออกมาวันนี้ด้วยเช่นกัน พร้อมให้แนวรับ 1,620-1,608 จุด ส่วนแนวต้าน 1,632 ถัดไป 1,635-1,640 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,124.23 จุด ลดลง 33.35 จุด (-0.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,680.06 จุด เพิ่มขึ้น 19.49 จุด (+0.42%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,940.31 จุด เพิ่มขึ้น 128.72 จุด (+0.81%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29,840.73 จุด เพิ่มขึ้น 46.36 จุด (+0.16%), ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,950.68 จุด ลดลง 274.51 จุด (-1.09%) และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,520.21 จุด ลดลง 6.66 จุด (-0.19%)
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 พ.ย.)1,626.27 จุด เพิ่มขึ้น 14.35 จุด (+0.89%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,661.30 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 พ.ย.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 78.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2.05 ดอลลาร์ หรือ 2.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 พ.ย.) อยู่ที่ 7.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.39 แข็งค่าจากวานนี้ ให้กรอบวันนี้ 33.20-33.45 จับตาทิศทาง Flow
- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผย ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าพุ่ง 168.69 นิวไฮ หวังท่องเที่ยว ฟื้นตัว-เศรษฐกิจโต คาดต่างชาติ กลับมาซื้อหุ้นไทย ลุ้น ปี 65 แตะ 1 แสนล้าน “สมาคมตราสารหนี้ฯ” คาดปีหน้า เอกเชน-รัฐออกหุ้นกู้ไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านล้าน
- ครม.เมินถกหั่นภาษีสรรพสามิตน้ำมันพยุงดีเซล โยนคลังเร่งเตรียมมาตรการภาษีกระตุ้นอุตสาหกรรมรถอีวี ปูพรมไทยเป็นฐานการผลิตระยะยาว
- หอการค้าไทย ระบุดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสูงสุดในรอบ 5 เดือน หลังรัฐบาลลดเวลาเคอร์ฟิวและเปิดประเทศ คาดเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นค่อยเป็นค่อยไป เล็งปรับเป้าจีดีพี 18 พ.ย.นี้ คาดปีนี้โต 1.5%
- นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากสถิติยอดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เดินทางเข้าไทย 3 วันแรก ตั้งแต่วันที่ 1-3 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า วันที่ 1 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 2,400 คน วันที่ 2 จำนวน 2,088 คน และวันที่ 3 จำนวน 1,833 คน โดย 4 อันดับแรกที่เดินทางเข้าประเทศไทยมากที่สุดคือ นักท่องเที่ยวจากประเทศเยอรมนี สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และญี่ปุ่น เดินทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิมากเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยสนามบินภูเก็ต และสนามบินดอนเมือง
- นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานภาวะเศรษฐกิจ เดือนก.ย. 2564 ว่า ด้านการท่องเที่ยว โดยในเดือนก.ย. พบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศจำนวน 12,237 คน ขยายตัวที่ร้อยละ 100.0 ต่อปี ขณะที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)คาดการณ์ว่าปี 2565 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นมาอยู่ในช่วงร้อยละ 4.0 ต่อปี โดยคาดว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 7 ล้านคน
หุ้นเด่นวันนี้
- ONEE (บมจ.เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สังกัดหมวดธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยมีราคาขาย IPO 8.50 บาท/หุ้น โดยเป็นบริษัทในกลุ่ม บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) ที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) เพื่อให้บริการสื่อและความบันเทิงที่ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Vertically Integrated Service Provider) ตั้งแต่การเป็นผู้ผลิตและสร้างสรรค์คอนเทนต์ (Content Creator) คุณภาพที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เผยแพร่ผ่านทุกช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์
- KUN-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.วิลล่า คุณาลัย(KUN)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 120,000,000 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.80 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี 6 เดือน นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (28 ตุลาคม 2564)ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 27 เม.ย. 2565 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 27 เม.ย. 2567
- MAJOR (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 28 บาท ราคาหุ้นร่วง 13% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คาดกำไรสุทธิ Q3/64 อาจจะไม่ได้สูงอย่างที่เราและตลาดคาดไว้ เนื่องจากบริษัทอาจจะบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษเข้ามาประมาณ 500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเป็นรายการ one – time และงบปกติ Q4/64 กลับมาฟื้นตัวและมีลุ้นจ่ายปันผลพิเศษ 1 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield 5%
- BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 9.90 บาท คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดใน Q3/64 หลังคลายล็อกดาวน์หมดแล้ว ล่าสุดตัวเลขผู้ใช้รถไฟฟ้าและรถบนทางด่วนเดือน ก.ย. +60% M-M, +32% Y-Y และคาดเร่งตัวต่อในเดือน Q4/64 อีกทั้งคาดว่า BEM จะเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ โดยคาดกำไรปี 2565 ที่ +229% Y-Y และระยะยาวมี Upside จากการเป็นตัวเต็งสำหรับรถไฟฟ้าสายสีส้มและม่วงใต้ พร้อมให้แนวรับ 8.85 บาท แนวต้าน 9.10-9.25 บาท