IPOInsight: BE8 เบื้องหลังองค์กรใหญ่ทรานส์ฟอร์มสู่โลกดิจิทัล

บมจ.เบริล 8 พลัส (BE8) บริษัทเทคโนโลยีผู้อยู่เบื้องหลังองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งให้ก้าวเข้าสู่ปฎิบัติการ Digital Transformation ยกระดับขีดความสามารถด้านการแข่งขันในโลกแห่งดิจิทัล ล่าสุด BE8 พร้อมแล้วในการนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 8 พ.ย.64 ภายหลังเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหุ้น

ตัวแทนขายซอฟต์แวร์ “Salesforce” เบอร์หนึ่งของโลก

นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BE8 เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า จุดเริ่มต้นของการก่อตั้ง BE8 เกิดขึ้นเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ด้วยธุรกิจที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation แบบครบวงจร เริ่มจากการเป็นพาร์ทเนอร์และตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ของบริษัทชั้นนำอย่าง Salesforce แพลตฟอร์มบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้าที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ของโลก หลังจากนั้นก็พัฒนาเพิ่มสินค้าและบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันมีพาร์ทเนอร์เพิ่มขึ้นทั้ง Google, Tableau, Snowflake, MuleSoft ฯลฯ

ด้วยเป้าหมายการทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์กรลูกค้า ซึ่งจะเน้นไปที่ระบบการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) และการวิเคราะห์ข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิตัล (Data Analytic) เป็นหลัก เป็นระบบที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ทำให้ในปัจจุบัน BE8 มีลูกค้าประมาณ 100 รายในเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม

“ปัจจุบันเรามีลูกค้ากว่า 100 ราย มีประสบการณ์ทำโปรเจ็คต์ร่วมกับลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศรวมกว่า 250 โปรเจ็คต์ ลูกค้าของเรามีเกือบทุกอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มธนาคาร ประกันภัย ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ โลจิสติกส์ หรือสายการบิน ครอบคลุมทั้งบริษัทที่เป็น Enterprise และ SME

หรือถ้าหากแบ่งสัดส่วนเป็นรายได้จากลูกค้าในประเทศจะอยู่ที่ราว 95% ส่วนอีก 5% เป็นรายได้จากลูกค้าต่างประเทศ ซึ่งหลักๆ จะมาจากประเทศเวียดนาม หลังจากในปี 62 ที่ผ่านมาเราก็ได้เปิดสำนักงานในประเทศเวียดนามเพื่อรองรับการเติบโตของ BE8 ในอนาคต”นายอภิเษก กล่าว

สั่งสมประสบการณ์ที่ปรึกษาระดับโลก

นายอภิเษก กล่าวต่อว่า ทีมผู้บริหารบริษัทมาจากบริษัท Global Consulting ชั้นนำหลายแห่ง และยังมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอยู่ในทีมที่ปรึกษา (Consultant) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 150 ราย พร้อมให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร

รวมไปถึงพาร์ทเนอร์ของ BE8 นั้นเป็นบริษัทชั้นนำระดับสากล ส่งผลให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในการทำ Digital Transformation จากการผสมผสานระหว่างประสบการณ์ของ BE8 บวกกับเทคโนโลยีระดับโลก

“BE8 มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์จากการร่วมทำโปรเจคต์กับลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบโซลูชั่นที่เฉพาะตัวให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย ซึ่งนับเป็นองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ลอกเลียนแบบได้ยาก” นายอภิเษก กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากหลายช่องทางทั้งงานบริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และพัฒนาเทคโนโลยี (Strategy and Technology Consulting) โดยให้คำปรึกษา และวางกลยุทธ์ด้านดิจิทัล (Digital Strategy) รวมไปถึงการให้บริการพัฒนาระบบการออกแบบและการสร้างโซลูชั่นส์ (Implementation) อีกทั้งยังมีการวางกลยุทธ์ลูกค้าสัมพันธ์ (CRM Strategy) และการติดตั้งระบบต่างๆ ตามแผนงาน ตลอดจนพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีของบุคลากร และการฝึกอบรม (Technology Capability Building)

นอกจากนั้น ยังมีช่องทางงานบริการเทคโนโลยี (Technology Service) ที่ช่วยสร้างรายได้ประจำ ประกอบด้วย การขายสิทธิการใช้และการให้เช่าใช้สิทธิการใช้งาน (License and Subscription) ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย เช่น Salesforce, Google Workspace, Tableau, Snowflake และ MuleSoft เป็นต้น ตลอดจนให้บริการส่วนงานสนับสนุน และดูแลระบบเทคโนโลยี (Support and Maintenance) ให้กับลูกค้า และมีรายได้จาก Outsourcing หรือ Manage Service อีกทางหนึ่งด้วย

ส่องโอกาสเติบโตบนตลาดมูลค่ากว่าแสนล้านบาท

นายอภิเษก กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดดิจิทัลในภาคธุรกิจไทยอีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะเติบโตและมีมูลค่าอยู่ที่กว่าแสนล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ตลาดการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และพัฒนาเทคโนโลยี (Strategy and Technology Consulting) และตลาดการขายสิทธิการใช้และการให้เช่าใช้สิทธิการใช้งาน (License and Subscription) ซึ่งทาง BE8 มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจทั้งสองอยู่แล้ว

“Salesforce ไม่ใช่เป็นแค่พาร์ทเนอร์ของเรา แต่ยังลงทุนใน BE8 ด้วย ซึ่ง Salesforce เป็นซอฟต์แวร์ที่บริษัทฯชั้นนำหลายแห่งในไทยเลือกใช้บริการ โดยเป็นซอฟต์แวร์ด้านบริหารความสัมพันธ์ของลูกค้า (CRM) จากสหรัฐฯ ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ของโลก และ Salesforce ประเมินการเติบโตของตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้าที่ 20-30% เพราะฉะนั้นหากเทียบรายได้ของ BE8 ในปี 61–63 อยู่ที่ 211 ล้านบาท 311 ล้านบาท และ 312 ล้านบาท ตามลำดับ มีการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 21.57% ก็ยังเห็นโอกาสในการเติบโตอีกมหาศาลในตลาดที่มีมูลค่ากว่าแสนล้านบาทนี้” นายอภิเษก กล่าว

ชูแผนระดมทุนเพิ่มมูลค่ากิจการในต่างประเทศ

เป้าหมายการระดมทุนของ BE8 ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักอยู่ 3 ด้าน ประกอบไปด้วย 1.การขยายกิจการไปยังต่างประเทศ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยก็นับว่าเป็นประเทศลำดับแรก ๆ ที่มีความล้ำหน้าในการทำ Digital Transformation เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน

2.การลงทุนเพื่อการพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ของ BE8 ด้วยการนำประสบการณ์ 12 ปี และความเชี่ยวชาญในการทำ CRM บวกกับความเข้าใจที่มีต่อลูกค้า มาพัฒนาสินค้าและบริการของบริษัทเอง ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจของลูกค้าสามารถเข้าสู่การ Digital Transformation ได้เร็วมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีค่าใช้จ่ายที่ลดลงอีกด้วย

และ 3.การลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจหรือธุรกิจอื่นที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจให้กับบริษัทได้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

“ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบทั้งเชิงบวกและลบ ยกตัวอย่างเช่น มีลูกค้าบางรายที่ได้รับผลกระทบและล้มละลายในช่วงวิกฤตินี้ แต่ถ้ามุมมองเชิงบวกลูกค้าก็เกิดการตระหนักถึงความสำคัญของการทำ Digital Transformation มากขึ้น เช่น กลุ่มลูกค้าโลจิสติกส์ที่ต้องการพัฒนาระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับดีมานด์ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงโควิด-19 ซึ่งก็นับว่าเป็นผลดีต่อบริษัท”นายอภิเษก กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ย. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top