พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชนทางสื่อออนไลน์ 4 คดี ประกอบด้วย คดีแรก จับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มูลค่าความเสียหายกว่า 13 ล้านบาท ได้อนุมัติหมายจับคนร้ายจำนวน 8 ราย จับกุมได้แล้ว 5 ราย ข้อหาเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน
คดีที่ 2 จับผู้ต้องหา Hybrid scam หลอกซื้อขายทองคำ ความเสียหาย 25 ล้านบาท สามารถจับกุม น.ส.กมลทิพย์ (สงวนนามสกุล) กับพวกรวม 12 ราย ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งขณะนี้ได้ขยายผลจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 11 ราย
คดีที่ 3 จับกุมเครือข่าย Crowd1 ความเสียหายหลายล้านบาท รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดธัญญบุรี และเข้าทำการจับกุม น.ส.กรนัท (สงวนนามสกุล) กับพวกรวม 2 ราย ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
โดยผู้ต้องหาได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่งย่านสาทร กทม. และในพื้นที่ จ.มหาสารคาม นอกจากนั้น ยังได้ตรวจค้นจุดทำการตลาดที่ สำนักงาน Crowd1 เลขที่ 289/17-18 หมู่ 1 ต.ลำผักกูด อ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี และที่ซุกซ่อนทรัพย์สินต่างๆ ยึดของกลางได้จำนวนมาก
คดีที่ 4 จับกุมแก็งโรแมนซ์สแกม หลอกลงทุนผ่านแอพ Thai dairy เสียหายกว่า 20 ล้านบาท รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับคนร้ายที่เป็นคนกดเงินจากบัญชีต่างๆ ได้จำนวน 3 ราย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าลักษณะของการหลอกลวงจะมีคีย์เวิร์ดไม่กี่เรื่อง แต่จะอ้างว่าให้ผลตอบแทนสูง ส่วนเจ้าของแพลตฟอร์มเหล่านั้น จะไม่เคยเป็นที่รู้จักมาก่อน ดังนั้นประชาชนต้องไตร่ตรองให้ดี อย่าหลงเชื่อการหลอกลวง อะไรที่ลงทุนแล้วได้รับผลตอบแทนเร็ว ซึ่งไม่มีอยู่จริง
“ปัจจุบันการหลอกลวงในโลกโซเซียลมีมากขึ้น ดังนั้นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ก่อนจะทำอะไรลงไป อย่าหลงเชื่อง่ายๆ ส่วนการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อมีใครมาแอบอ้างอย่างนี้ อย่าเพิ่งตกใจ ตั้งสติให้ดี ให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่พยายามนำเสนอคำแนะนำต่างๆผ่านทางคลิปวีดีโอ และสื่อต่างๆ”
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสมาคมธนาคารไทย, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กระทรวงการคลัง เพื่อเฝ้าระวังกลุ่มที่เข้าข่ายกระทำความผิด ส่วนคนที่ยอมให้ให้บัตรประชาชนกับบุคคลอื่นไปเปิดบัญชี ถือว่าเข้าข่ายความผิดร่วมกันฉ้อโกง และฟอกเงิน ซึ่งต่อไปทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการดำเนินคดีอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 64)
Tags: คดีฉ้อโกง, คอลเซ็นเตอร์, ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์, ศปอส.ตร., ออนไลน์