ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) โดยทั้งดาวโจนส์และ S&P500 ยังคงปิดทำนิวไฮ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทเจเนอรัล อิเลคทริค นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนต.ค.
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,756.88 จุด เพิ่มขึ้น 15.73 จุด หรือ +0.04%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,574.79 จุด เพิ่มขึ้น 8.31 จุด หรือ +0.18% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,235.71 จุด เพิ่มขึ้น 9.01 จุด หรือ +0.06%
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 0.68% หลังราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.27% หุ้นเชฟรอน บวก 0.24% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ปรับตัวขึ้น 0.64%
ตลาดได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) เปิดเผยกำไรไตรมาส 3 ที่ระดับ 57 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 43 เซนต์/หุ้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนหุ้น GE พุ่งขึ้น 2.03%
บริษัท 3M เปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 2.45 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.20 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้ปัจจัยบวกจากความต้องการหน้ากากอนามัยที่พุ่งขึ้นทั่วโลก รวมทั้งอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทางด้านยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดในทุกภาคส่วนธุรกิจ ส่งผลให้ราคาหุ้นยูพีเอสปิดตลาดพุ่งขึ้น 6.95%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 6.7% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 1.35% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.64% หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 1.68%
หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 3.92% หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรที่สูงเกินคาด แต่มีรายได้และจำนวนสมาชิกรายเดือนที่ต่ำกว่าคาด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 113.8 ในเดือนต.ค. จากระดับ 109.8 ในเดือนก.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 108.3 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 14% สู่ระดับ 800,000 ยูนิตในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 760,000 ยูนิต ส่วนราคาเฉลี่ยของบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 18.7% สู่ระดับ 408,800 ดอลลาร์ในเดือนก.ย.
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทอัลฟาเบท ทวิตเตอร์ และไมโครซอฟท์ ซึ่งจะมีการเปิดเผยหลังตลาดปิดทำการ
ข้อมูลจาก Refinitiv ระบุว่า บริษัทจำนวน 119 แห่งในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 แล้ว โดย 84% ในจำนวนนี้มีผลประกอบการที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ และนักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีการขยายตัวของกำไรในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นถึง 35%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2564 (ประมาณการเบื้องต้น), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 64)
Tags: Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก