นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ถึงความเสี่ยงของการเกิดภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด
นายกรีนสแปนกล่าวว่า แม้จะมีความเป็นไปได้ว่าแรงกดดันบางอย่างที่ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นนั้นจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในช่วงสั้น ๆ แต่ภาวะหนี้สินของรัฐบาลที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงแนวโน้มจากแรงกดดันอื่น ๆ จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อไปในระยะยาว
“แนวโน้มภาวะเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ และยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 2% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา” นายกรีนสแปนระบุในเอกสารที่ Advisors Capital Management เผยแพร่เมื่อวานนี้ (25 ต.ค.)
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบรายปี และนับเป็นดัชนีเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 เนื่องจากปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทานและความต้องการของผู้บริโภคที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ปัจจุบัน นายกรีนสแปนระบุว่า เฟดอาจต้องควบคุมการใช้นโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจ หากมาตรการกระตุ้นทางการเงินในอนาคตนั้นกระตุ้นให้ดีมานด์สูงขึ้น โดยเฟดได้กำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ระดับ 2%
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับสมาชิกสภาคองเกรสของพรรคเดโมแครต โดยมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงงบประมาณการใช้จ่ายในโครงการโครงสร้างพื้นฐานและโครงการ “Build Back Better” ในวงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ ตลอดช่วง 10 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า กรรมการเฟดจะประกาศแผนการเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 2-3 พ.ย.นี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ต.ค. 64)
Tags: ธนาคารกลางสหรัฐ, อลัน กรีนสแปน, เงินเฟ้อ, เศรษฐกิจสหรัฐ