นายบรรลือศักร โสรัจจกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 29 ต.ค.64 โดยใช้ชื่อย่อ TFM ในการซื้อขายหลักทรัพย์ หลังประสบความสำเร็จเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 109.30 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 13.50 บาท ในช่วงวันที่ 19-21 ต.ค.64 ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยเป็นอย่างมาก สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพและพื้นฐานธุรกิจอาหารสัตว์น้ำและสัตว์เศรษฐกิจ ซึ่งมีความแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
TFM มุ่งมั่นเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจผลิตอาหารสัตว์น้ำ ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นเลิศ ซึ่งภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์วางแผนขยายธุรกิจในต่างประเทศเป็นหลักผ่านโมเดลทางธุรกิจที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ ได้แก่
1.การเซ็นสัญญาความร่วมมือทางเทคนิคและอนุญาตให้ AVANTI Feeds Limited (AVANTI) ผู้ผลิตอาหารกุ้งรายใหญ่ของประเทศอินเดีย ใช้ชื่อทางการค้า (Trade Name) และสูตรการผลิตสินค้าของ TFM สำหรับการจำหน่ายอาหารกุ้งในประเทศอินเดีย
2.การเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Partner) ตั้งบริษัทย่อยเพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซีย ชื่อว่า บริษัท พีที ไทยยูเนี่ยน คาริสม่า เลสทารี จำกัด (TUKL) โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจ 2 กลุ่ม คือ พันธมิตรท้องถิ่น PT Maxmar Summa Kharisma (PT MSK) ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจแปรรูปอาหารแช่แข็งรายใหญ่ในประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงมีการดำเนินธุรกิจฟาร์มเพาะเลี้ยงกุ้งโดยมีผลผลิตกุ้งประมาณ 6,500 ตันต่อปี และกลุ่ม AVANTI เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำรายใหญ่ในประเทศอินเดีย
โดย TFM, PT MSK และกลุ่ม AVANTI มีสัดส่วนการถือหุ้นใน TUKL เท่ากับ 65%, 25% และ 10% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ TUKL ตามลำดับ ปัจจุบัน TUKL อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักร กำลังการผลิตอาหารกุ้ง 36,000 ตันต่อปี คาดว่าจะสามารถติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จและเริ่มผลิตและจำหน่ายอาหารกุ้งได้ภายในสิ้นปี 64
นอกจากนี้ TUKL ยังเล็งโอกาสทางธุรกิจในขยายธุรกิจไปยังธุรกิจการผลิตและจำหน่ายอาหารปลาในประเทศอินโดนีเซีย และมีแผนขยายธุรกิจไปยังธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำภายในปี 66 โดยวางแผนลงทุนในสายการผลิตอาหารสัตว์น้ำเพิ่มเติมอีก 2 สายการผลิต ส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 36,000 ตันต่อปี คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณไม่เกิน 250 ล้านบาท และ
3. การส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ประเทศศรีลังกา มาเลเซีย บังคลาเทศ พม่า ปากีสถาน และสาธารณรัฐมัลดีฟส์ เป็นต้น
บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูงในอนาคต, ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จำนวนไม่เกิน 250-350 ล้านบาท ภายในเดือนมี.ค.65 เพื่อให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) หลัง IPO ต่ำกว่า 1 เท่า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจ
นายบรรลือศักร กล่าวว่า บริษัทมีแผนเติบโตเละเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจากปัจจุบันที่ 3% ด้วยโมเดลขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตไปยังประเทศที่มีศักยภาพโดยนำความพร้อมทางด้านประสบการณ์ความรู้ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี บุคลากร แหล่งเงินทุน และกลยุทธ์ที่เหมาะสม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจของ TFM
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ต.ค. 64)
Tags: TFM, บรรลือศักร โสรัจจกิจ, หุ้นไทย, อาหารสัตว์, อาหารสัตว์น้ำ, ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์