นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) เปิดเผยว่า MFC เสนอกองทุนคุณภาพ เหมาะกับสภาวะการลงทุนทั่วโลกที่มีความผันผวนสูงขึ้น ตอบโจทย์ของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารที่มีประสิทธิภาพสูง (อัตราผลตอบแทนคาดหวังต่อความเสี่ยงสูง) เป็นทางเลือกทางการเงินที่น่าดึงดูด เพิ่มโอกาสในการลงทุนธุรกิจที่เติบโต สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ จึงเป็นที่มาของกองทุน “MFC GLOBAL CONVERTIBLE BOND FUND” หรือ MCONVERT ที่ออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงด้านการลงทุนเมื่อหุ้นอยู่ในช่วงขาลง (Bearish Market) ในขณะที่ได้รับผลตอบเทนสูงเมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น (Bullish Market) กำหนดจองซื้อระหว่างวันที่ 20 – 27 ตุลาคม 2564
MCONVERT เป็นกองทุนรวมประเภท Fund of Funds ที่เน้นลงทุนใน Global Convertible Bonds (CBs) หรือหุ้นกู้แปลงสภาพทั่วโลก มีความน่าสนใจและเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัว และการเติบโตของประเทศต่างๆ ทั่วโลกกำลังกลับสู่ภาวะปกติ และทั่วโลกเร่งผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนมากขึ้น รวมทั้งการก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงความยั่งยืนทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม จึงเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม การกลายพันธุ์ของไวรัสโรคโควิด-19 อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายน้อยลงของธนาคารกลางสหรัฐ อาจสร้างความผันผวนให้ตลาดได้ ดังนั้น การลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียวย่อมมีความเสี่ยงสูง ขณะที่การลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพ สามารถเปลี่ยนจากหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญเมื่อมีโอกาสได้รับกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) หรือสามารถเลือกถือเป็นหุ้นกู้ต่อไป เพื่อรับดอกเบี้ยและเงินต้นคืน ณ วันครบกำหนด การลงทุนหุ้นกู้แปลงสภาพจึงช่วยเพิ่มผลตอบแทนในช่วงตลาดหุ้นขาขึ้น และปรับลดลงน้อยกว่าหุ้นในช่วงตลาดขาลงและผันผวน
กองทุน MCONVERT มีการลงทุนหุ้นกู้แปลงสภาพที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กระจายการลงทุนในทวีปอเมริกา ยุโรป และเอเชีย รวมทั้ง เน้นลงทุน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมรองรับเศรษฐกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยี ได้แก่
1. Consumer Discretionary หรือธุรกิจที่ผลิตสินค้าและบริการที่สอดรับกับความต้องการของ Connected consumers ผู้บริโภคที่ต้องการเชื่อมโยงกับผู้คนรอบข้างผ่านทางเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา ผ่าน E-commerce เพื่อทำให้การซื้อสินค้าสะดวกรวดเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และเป็นส่วนบุคคลมากขึ้น ในปี 2021-2022 รายได้ทั่วโลกจากการซื้อขายออนไลน์จะเพิ่มจาก 4.9 เป็น 6.5 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ และยังจะเติบโตสูงต่อเนื่อง
2. Information Technology หรือเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวเนื่องกับ Connected consumers ในเดือนกรกฎาคม 2021 มีคนใช้อินเทอร์เน็ตถึง 4.8 พันล้านคน นับเป็น 61% ของประชากรทั้งหมดทั่วโลก รวมถึงเทคโนโลยี Cloud Computing และเซมิคอนดักเตอร์มีความก้าวหน้า และเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. Healthcare หรือกลุ่มที่เกี่ยวกับด้านสุขภาพ จากแนวโน้มประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น (จะเพิ่มจาก 0.7 เป็น 1.5 พันล้านคน ในปี ค.ศ. 2050) มีการใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและลงทุนเพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดี (wellness) ทำให้เกิดโอกาสลงทุนกับบริษัท healthcare ที่มีธุรกิจสืบเนื่องจากอายุขัยที่ยาวขึ้นนี้อย่างมหาศาล ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย รักษา ยา เวชภัณฑ์ หรือเวชศาสตร์ชะลอวัย ไปถึงธุรกิจที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ
4. Industrials หรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวหลังวิกฤตการระบาดโควิด-19 ได้แก่ การบิน การก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน และเหมืองแร่
5. Communication Services หรือการบริการด้านการสื่อสาร การปรับเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยในการดำเนินธุรกิจให้สื่อสารเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เพิ่มมากขึ้น
โดย MCONVERT ไม่กำหนดอายุโครงการ จำนวนเงินทุนโครงการ 5,000 ล้านบาท และไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล กำหนดราคาซื้อขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งต่อไปที่ 1,000 บาท สามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ โดยลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ และ/หรือ กองทุนรวมอีทีเอฟตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน เช่น หุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Bond) หุ้นกู้แปลงสภาพแบบมีเงื่อนไข (contingent convertible bonds) เป็นต้น รวมถึงเงินฝากหรือตราสารเทียบเท่าเงินฝากทั่วโลก
โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated) และ/หรือตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ากว่าที่สามารถลงทุนได้ (noninvestment grade) ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน นอกจากนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (efficient portfolio management) จากการประเมินผลตอบแทนของ MCONVERT โดยอ้างอิงสถิติในอดีตของกองทุนหลัก จะพบว่ามีผลตอบแทนที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ทั้งนี้ กองทุนมีความเสี่ยงของกองทุนอยู่ที่ระดับ 6 และจัดเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ต.ค. 64)
Tags: IPO, MFC, กองทุนรวม, ธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์, หุ้นกู้, หุ้นไทย, เอ็มเอฟซี